เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่า กองทัพพม่าได้สั่งการให้ย้ายสถาบันโรงเรียนสอนทหาร 2 แห่ง คือ Defense Services Academy (DSA) และDefense Services Technological Academy (DSTA) ออกจากเมืองปวิ่นอูหลิ่น เขตมัณฑะเลย์ ไปยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในเมืองเซยะทีริ กรุ่งเนปีดอว์ เมืองหลวงแทน เนื่องจากกองทัพตั๊ตมะด่อว์หวั่นสงครามจากรัฐฉาน ซึ่งมีชายแดนติดกับเมืองปวิ่นอูหลิ่นจะลุกลามและส่งผลกระทบ โดยคำสั่งย้ายสถาบันผลิตนายทหารของกระทรวงกลาโหมพม่านั้น จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือนนี้
ทั้งนี้กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ได้ยึดครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของรัฐต่างๆ และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง หรือกองทัพปะหล่อง TNLA กำลังต่อสู้กับกองทัพพม่าในเมืองตองคำ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปวิ่นอูหลิ่นโดยรถยนต์ไปเพียง 2 ชั่วโมง และบนเส้นทางตรงจากรัฐฉานตอนเหนือบนถนนหมายเลข 3 กองทัพพม่าได้ตั้งแนวป้องกันไว้ที่ปานป่วย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปวิ่นอูหลิ่นไปเพียง 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์
“จากมุมมองด้านความปลอดภัย สถาบันต่างๆ เสี่ยงต่อการถูกโจมตี” นักวิเคราะห์ด้านการทหารกล่าวและยังมองว่า พลเอกมินอ่องหลาย หัวหน้าคณะรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของสถาบัน DSA อาจกำลังคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วย เนื่องจากเขาต้องเข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษา 2 ครั้งต่อปี ในเมืองปวิ่นอูหลิ่น
ขณะที่กองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA สามารถยึดสนามบินและฐานทัพยานเกราะ ในเมืองบะหม่อ ทางเหนือของประเทศ นอกจากนี้ทหารคะฉิ่น KIA ยังปิดล้อมฐานบัญชาการใหญ่ของกองพันปืนใหญ่ของกองทัพพม่า โดยสถานการณ์สู้รบยังคงรุนแรงจนถึงขณะนี้
ชาวบ้านในเมืองบะหม่อกล่าวว่า เมืองบะหม่อได้กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว โดยชาวบ้านส่วนใหญ่หนีไปยังพื้นที่ชนบทและเมืองใกล้เคียง ซึ่งถือว่ายังปลอดภัยกว่า จนถึงขณะนี้ KIA และพันธมิตร ซึ่งรวมถึงกลุ่มกองกำลังป้องกันประชาชน PDF ที่ภักดีต่อรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติพลเรือน หรือ NUG ได้ยึดฐานที่มั่นและฐานทัพของกองทัพพม่าได้มากกว่า 300 แห่งในรัฐคะฉิ่น โดยสามารถยึดเมืองต่างๆ ราว 15 เมืองและเขตปกครองพิเศษรัฐคะฉิ่นแห่งที่ 1 ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเหมืองแร่หายาก นอกจากนี้กองทัพ KIA ยังยึดเมืองทางตอนเหนือของรัฐฉานได้อีก 2 เมือง