เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 มค. สถานทูตอินเดียประจำนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการช่วยเหลือชาวอินเดีย 67 รายจากศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ในเขตเศรษกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ (Golden Triangle Special Economic Zone) มีเนื้อหาสำคัญว่าเยาวชนอินเดีย 67 คนได้รับการช่วยเหลือจากแหล่งอาชญากรรมไซเบอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ในแขวงบ่อแก้ว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งเยาวชนเหล่านี้ถูกบังคับให้ทำงานที่ภายใต้การข่มขู่และการละเมิดจากกลุ่มอาชญากรที่ดำเนินการอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ
สถานทูตอินเดียระบุว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตได้ตอบกลับคำขอความช่วยเหลือทันทีที่ได้รับการร้องเรียน โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตได้เดินทางไปยังเขตฯ สามเหลี่ยมทองคำทันทีและทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางการลาวที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นเพื่อให้เหยื่อซึ่งเป็นเยาวชนสามารถออกจากเขตฯ ดังกล่าว และเดินทางออกจากแขวงบ่อแก้วไปยังสถานทูตในเวียงจันทน์ได้ ซึ่งสถานทูตได้จัดเตรียมที่พักและอาหารให้ตามความต้องการ
ข่าวประชาสัมพันธ์ระบุว่านายประชานต์ อราวัล (Prashant Agrawal) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำ สปป.ลาว ได้เข้าพบเยาวชนเหล่านี้เพื่อหารือถึงความท้าทายที่เยาวชนเหล่านี้เผชิญ โดยให้คำมั่นว่าจะปลอดภัยและสถานทูตจะให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่โดยถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเพื่อให้พวกเขาเดินทางกลับอินเดียได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ เขายังให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่อไป ซึ่งรวมถึงความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องยื่นเรื่องร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ที่หลอกลวงพวกเขา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตกำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทางการลาวที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนพิธีการออกนอกประเทศให้เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะสามารถเดินทางกลับอินเดียได้ในไม่ช้านี้
“ขอขอบคุณทางการลาวที่ให้ความร่วมมือ นอกจากนี้เรายังได้เรียกร้องให้ทางการลาวดำเนินการกับกลุ่มที่ไร้ยางอาย และเรื่องนี้ได้รับการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในระดับสูงสุดแล้ว จนถึงปัจจุบันสถานทูตได้ช่วยเหลือชาวอินเดียได้ 924 ราย โดย 857 รายส่งตัวกลับอินเดียอย่างปลอดภัยแล้ว” สถานทูตอินเดีย ระบุ
สถานทูตอินเดียมีคำเตือนว่าหากเยาวชนอินเดียได้รับสัญญาว่าจะได้งานทำในประเทศไทย แต่เมื่อไปถึงต้องเดินทางโดยถนนไปยังเชียงราย ต่อไปถึงชายแดนไทย-ลาว ขอให้ทราบว่านี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ชัดเจนแล้วว่าถูกหลอกไปยังเขตการค้ามนุษย์ใน สปป.ลาว (ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ) เมื่อมาถึงเขตการค้ามนุษย์แล้ว หนังสือเดินทางอาจถูกกลุ่มอาชญากรยึดไป และพวกเขาจะถูกบังคับให้ลงนามในสิ่งที่เรียกว่า “สัญญาจ้างงาน” ในภาษาต่างประเทศ ซึ่งทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายจากการถูกบังคับใช้แรงงาน
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวง กรุณาอ่านคำแนะนำโดยละเอียดที่เว็บไซต์ของสถานทูตที่ https://www.indianembassylaos.gov.in/news detail.php?newsid=286 หรือติดต่อสถานทูตหากมีข้อสงสัยใดๆ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในวันที่ 7 มกราคม 2568 เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ได้จัดประชุมประเมินผลการแก้ไขปัญหาการทุจริตโทรคมนาคม (Call Center) โดยพลจัตวา วันทอน สุระสัก รองหัวหน้ากรมตำรวจใหญ่ กระทรวงป้องกันความสงบของสปป.ลาว กล่าวว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ในช่วงปี พ.ศ. 2565-2567 พบว่า มีอาคารที่ดำเนินการคอลล์เซ็นเตอร์หรือฉ้อโกงโทรคมนาคมอยู่ 157 อาคาร รวม 306 บริษัท มีพนักงานรวม 15,970 คน โดย 6,120 คนเป็นพนักงานลาว และ ต่างประเทศ 9,868 ราย จากการดำเนินการแก้ไขปัญหามาเป็นเวลา 2 ปี พบว่า ปีแรกถูกยุบ 63 บริษัท คิดเป็น 20.5% และ ปีที่สองถูกปิดกิจการอีก 46 บริษัท คิดเป็น 15% และ มีจำนวน 160 บริษัท หรือ 52.2% ได้ถูกแปลงเป็นกิจกรรมเกมออนไลน์โดยได้รับการอนุมัติจากทั้งหน่วยหลักและสาขาแล้ว ส่วนจำนวนอีก 37 บริษัท หรือ 12% ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการทบทวน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำและคิงส์โรมันส์ ได้พยายามประชาสัมพันธ์ว่าได้มีการปราบปราบแหล่งอาชญากรรมและการต้มตุ๋นหลอกลวงจนหมดแล้ว อย่างไรก็ตามพบว่าสถานทูตต่างชาติในหลายแห่งยังคงช่วยเหลือคนของตนเองออกมาจากแหล่งอาชญากรรมในคิงส์โรมินส์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสถานทูตอินเดียช่วยเหลือเยาวชนอินเดีย 67 คน
ขณะเดียวกันในระหว่างวันที่ 27 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำได้จัดงานเทศกาลดอกงิ้วบานขึ้นบริเวณเกาะดอนซาว ภายในและ แผนที่กิจกรรมของงานเขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอต้นผึ้ง จังหวัดบ่อแก้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะชาวไทย ยังคงลังเลใจว่าจะไปเที่ยวหรือไม่ เนื่องจากรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย
———-