Search

 BGF เตรียมส่งมอบเหยื่อต่างชาติอีก 1,000-2,000 คนให้ทางการไทย เผยแหล่งอาชญากรรมเหมือนผึ้งแตกรัง-ขนย้ายหนีไปแหล่งอื่น “ภูมิธรรม”ยันเดินหน้ามาตรการ “ 3 ตัด”จนกว่าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม ได้เขียนข้อความลงเฟสบุค ซึ่งในตอนหนึ่งระบุว่า ผ่านมา 3 วันกับมาตรการกดดันแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลไทย ก็พอจะมองเห็นทิศทางว่าจะกดดันพวกนั้นได้จริงไหม เพราะอย่างที่เห็นว่า เมืองสแกมเมอร์ ยังมีไฟฟ้าใช้ เพราะเตรียมสำรองน้ำมัน และโซล่าเซลล์ไว้ และไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ อย่างที่เปิดเผยกันมาว่าจะอยู่ได้ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ก็ต้องรอดูว่าจะอดทนกันได้ขนาดไหน

นายกัณวีร์ระบุด้วยว่าขณะเดียวกันพวกกองกำลังชาติพันธุ์ที่คุ้มครองธุรกิจเหล่านี้ก็จะพยายามลบภาพเดิมและสร้างภาพใหม่ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องและเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้โดยการประสานทางการไทยเแจ้งว่าจะปล่อยตัวเหยื่อและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการค้ามนุษย์ที่อยู่ในพื้นที่ของ BGF (Karen Border Guard Force-Karen) และ DKBA (Democratic Karen Buddhist Army)จำนวนหลักพัน (1-2 พันคน) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์และความตั้งใจจริงของพวกนี้ เพื่อแสวงประโยชน์กับโอกาสการได้กลับมาซึ่งไฟฟ้า น้ำมันและสัญญาณอินเตอร์เน็ต

“เหมือนกับความพยายามล้างมือในอ่างทองคำและสร้างภาพตัวเองใหม่ว่า ไม่เกี่ยวข้องแถมจะปราบปรามให้ด้วย อย่าหลงกลกับม็อบจัดตั้งประท้วงไทย อย่าหลงทางกับการจัดการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และอย่าหลงเสน่ห์จากการลบภาพและวาดใหม่ของกลุ่มที่ไม่มีความจริงใจว่าเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีแล้ว เราต้องปราบให้หนัก ถอนรากถอนโคนไอ้แก๊งค์คอลเซนเตอร์ บัญชีม้า ซิมม้า ที่มาบวกกับความเลวร้ายของขบวนการนำพาและการค้ามนุษย์นี่ให้ราบคราบ”นายกัณวีร์ระบุ

นายกัณวีร์ยังระบุอีกว่า รัฐบาลไทยต้องไม่หลงทางกับเกมต่อรองของกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ หากจะจัดการกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์พวกนี้ก็ต้องเด็ดขาด ต้องไม่อ่อนข้อกับมาตรการยาแรง เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า เราแค่เล่นละครเอาใจจีนอย่างที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ และไม่ควรหลงทางใจดีเห็นว่าเขาช่วยคืนเหยื่อค้ามนุษย์หลักพันแล้วจะยอมคืนทุกอย่างให้เหมือนเดิม เพราะการช่วยชีวิตของเหยื่อต่างๆ เหล่านี้ต้องตั้งบนฐานมนุษยธรรมที่ไม่มีการต่อรอง และมันเป็นหน้าที่หลักของทุกคนที่ต้องช่วยชีวิตคน

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงชายแดนเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางกะเหรี่ยง BGF ได้เคยประสานมายังทางการไทยว่าพร้อมจะส่งมอบเหยื่อชาวต่างชาติที่ถูกมาเฟียจีนกักขังอยู่ในแหล่งอาชญากรรมต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ที่ BGF ดูแลประมาณ 1,000- 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นคนจีน แต่เนื่องจากการประสานงานยังไม่มีความชัดเจนประกอบกับทางการไทยเองหวั่นเกรงในเรื่องความพร้อมในการสอบสวนคนเหล่านี้ และบางส่วนต้องเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM)เพื่อคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งผู้เสียหายจำนวนมากจำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมากเช่นกัน

“ตอนนี้สถานการณ์ในแหล่งอาชญากรรมปั่นป่วนมาก เพราะมาตรการต่างๆที่รัฐบาลไทยเอาจริง ขณะนี้กำลังมีการขนย้ายเหยื่อและคนทำงานไปยังแหล่งอื่น ในแต่ละคืนมีชาวต่างชาติถูกนำตัวกลับมาในฝั่งแม่สอดนับพันคน เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเพราะขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้คนรู้ แต่ถ้าไปดูความเคลื่อนไหวในตอนกลางคืนในแม่สอดจะเห็นการขนคนต่างชาติเยอะมาก”แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนกรณีที่ชาวพม่าจำนวน 30-50 เดินขบวนประท้วงหลังจากทางการไทยใช้มาตรการตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตและตัดการส่งน้ำมันนั้น ขณะนี้ชาวเมียวดีจำนวนมากกำลังวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มผู้ประท้วงโดยเฉพาะกรณีที่เรียกร้องให้คว่ำบาตรสินค้าไทย ซึ่งเพราะต่างไม่เห็นด้วย และกล่าวโจมตีกลุ่มที่ร่วมกันชุมนุมประท้วงโดยเฉพาะแกนนำที่เป็นบุคคลซึ่งสนับสนุนการทำรัฐประหารในพม่ามาตั้งแต่ต้น

นางติ่นติ่นเมี๊ยะ ประธานหอการค้าจังหวัดเมียวดี กล่าวว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการออกมาชุมนุมประท้วง แม้จะเป็นสิทธิแต่เป็นห่วงสถานการณ์จะบานปลายเป็นความขัดแย้ง จึงอยากให้เป็นการแก้ไขปัญหาระดับรัฐบาลกับรัฐบาล เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนทั่วไปและการค้าระหว่างประเทศ อย่างที่ตนได้ยื่นเรื่องต่อรองนายกรัฐมนตรีของไทยว่าอยากให้มีการทบทวนมาตรการในการตัดน้ำมัน เพราะจะกระทบกับการค้าระหว่างประเทศได้ และเรียกร้องไปยังรัฐบาลเมียนมาให้ช่วยพูดคุยกับรัฐบาลไทย ในการร่วมมือจัดการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ด้วย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้รับรายเรื่องการชุมนุมประท้วงแล้ว มองว่าก็ดีถือเป็นการกดดันรัฐบาลเมียนมา ถ้าอยากให้เราแก้เรื่องความเดือดร้อน ก็ต้องจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้

“ผมทราบว่าคนประท้วงมีไม่มาก และเขามีเบื้องหลังของเขา ยืนยันว่าเราไม่ทบทวนอะไร ยังยืนยันในมาตรการเดิม”นายภูมิธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความพยายามให้ข่าวว่ามาตรการตัดไฟฟ้าทำโรงพยาบาลเมียวดีขาดออกซิเจน นายภูมิธรรม ว่า เราได้บอกไปแล้วว่าถ้าใครมีอาการหนักก็สามารถส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลแม่สอดได้ และอย่างอื่นต้องแก้ปัญหาไป ส่วนเรื่องน้ำมัน ตอนนี้ชาวบ้านก็สามารถขับรถข้ามเติมน้ำมันอย่างประเทศเราได้เพราะเราอะลุ่มอล่วยตามสภาพ ซึ่งชาวบ้านจริงๆไม่ได้เดือดร้อนเพราะเขาไม่ได้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่แรก เขาใช้การจุดเทียน

 “ยังไม่ทันไรเลย ถ้าอ่อนปวกเปียกจะไปแก้ปัญหาได้ยังไง” นายภูมิธรรม กล่าวและว่าไทยจะเด็ดขาดกับมาตรการกดดันแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จนกว่าจะเห็นผลชัดเจน

————

On Key

Related Posts

เชื่อกองกำลังปะหล่องยอมคืนเมืองที่ยึดได้ทางเหนือรัฐฉาน หลังถูกจีนกดดันอย่างหนัก ขณะที่กระแสต่อต้านจีนเพิ่มขึ้น แฉรัฐบาลแดนมังกรทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองในพม่า

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ในรายการ This week’s IRead More →

เผยทหารว้าขยายพื้นที่ทำเหมืองทองเพิ่มขึ้น-ไม่สนใจความเดือดร้อนของคนลุ่มน้ำกก-สาย แม้รู้ข่าวสารปนเปื้อนลงน้ำแล้ว ชาวพม่า-ไทใหญ่เดือดร้อนกันถ้วนหน้า นักวิชาการ มฟล.เสนอ 3 สถาบันการศึกษาร่วมจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำเชียงราย

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งอาศRead More →

ประชุมแม่น้ำข้ามแดนนัดแรก จังหวัดเชียงรายดันสร้างฝายดักตะกอนแก้ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ตั้งคณะทำงาน 4 ชุด นักวิจัยติงคิดให้รอบคอบ หวั่นไม่มีที่ทิ้งสารพิษ-มีบทเรียนจากลำห้วยคลิตี้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องธรรมลังกา ศาลากลRead More →