
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ชาวบ้านสิงขรรายหนึ่งซึ่งเป็นกรรมการหมู่บ้านสิงขรซึ่งเป็นชุมชนคนไทยในภาคตะนาวศรี ชายแดนประเทศพม่าด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงกรณีที่หมู่บ้านสิงขรถูกทหารพม่าเผาและชาวไทยสิงขรต้องอพยพหนีว่า จริงๆแล้วสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ระหว่างทหารพม่าและฝ่ายต่อต้านซึ่งมีทั้งกองกำลังทหารกะเหรี่ยง KNU(Karen National Union-สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง) และพวก 3 นิ้ว(PDF- People’s Defence Force)เริ่มรุนแรงมาตั้งแต่ราวๆ 2 เดือนก่อน เนื่องจากก่อนหน้านั้นเมื่อมีกองกำลังฝ่ายใดมาในหมู่บ้าน ชาวบ้านก็ต้องต้อนรับ ทำให้ทหารพม่าเข้าใจผิดและมองว่าหมู่บ้านสิงขรให้ที่พักพิงฝ่ายต่อต้าน
กรรมการหมู่บ้านรายนี้กล่าวว่า จนกระทั่งมีการสู้รบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านบางส่วนอพยพหนีข้ามมาอยู่กับญาติพี่น้องฝั่งไทยและฝั่งพม่า แต่กว่า 200 คนก็ยังอยู่แถวหมู่บ้าน จนกระทั่งทหารพม่าใช้โดรนทิ้งระเบิดรวมทั้งใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพหนีห่างออกไป ล่าสุดมีการเผาหมู่บ้านแล้วถึง 2 ครั้ง ทำให้บ้านเรือนหลายหลังเสียหาย
“ชาวบ้านส่วนใหญ่หนีออกมาโดยไม่ได้ขนทรัพสินย์อะไรออกมามาก ทุกคนต่างเป็นห่วงบ้าน แต่ก็ไม่รู้ทำอย่างไร และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับหมู่บ้าน ดูท่าแล้วคงอีกนาน”ชาวบ้านรายนี้กล่าว
ด้านนายภควินทร์ แสงคง ที่ปรึกษาเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น กล่าวว่าขณะนี้กำลังให้สมาชิกเครือข่ายฯช่วยกันเก็บข้อมูลเพื่อหาช่องทางประสานความช่วยเหลือ ขณะนี้ชาวไทยสิงขรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามบ้านญาติ แต่ก็น่าเป็นห่วงสำหรับคนที่ไม่มีญาติ“คนเหล่านี้เขาคือคนไทยจริงๆ คนทั้งสองฟากต่างเป็นเครือญาติกัน ผมคิดว่ารัฐไทยไม่ควรเพิกเฉย สมช.(สภาความมั่นคงแห่งชาติ)และมท.(กระทรวงมหาดไทย) ควรรีบจัดประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด่วน เพราะตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานรัฐเป็นเจ้าภาพในการดูแลคนไทยกลุ่มนี้ เราควรเปิดช่องทางรับพี่น้องคนไทยฝั่งนู้นให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาอพยพหนีตายกันตามชะตากรรมในช่องทางธรรมชาติซึ่งอันตรายมาก เพราะอาจเจอกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ได้”ที่ปรึกษาเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น กล่าว
“คนเหล่านี้เขาคือคนไทยจริงๆ คนทั้งสองฟากต่างเป็นเครือญาติกัน ผมคิดว่ารัฐไทยไม่ควรเพิกเฉย สมช.(สภาความมั่นคงแห่งชาติ)และมท.(กระทรวงมหาดไทย) ควรรีบจัดประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด่วน เพราะตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานรัฐเป็นเจ้าภาพในการดูแลคนไทยกลุ่มนี้ เราควรเปิดช่องทางรับพี่น้องคนไทยฝั่งนู้นให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาอพยพหนีตายกันตามชะตากรรมในช่องทางธรรมชาติซึ่งอันตรายมาก เพราะอาจเจอกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ได้”ที่ปรึกษาเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น กล่าว