
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในพื้นที่ของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (BGF -Karen Border Guard Force-Karen BGF)ทั้งในพื้นที่ชเวก๊กโก และเคเคปาร์ค จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศ เมียนมา โดยพ.ต.หม่อง วิน ผบ.พัน 1018 กองกำลัง BGF เปิดเผย ว่าในวันเดียวกันนี้ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำ BGF ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมปฏิบัติการในการปราบปราบและช่วยเหลือชาวต่างชาติ ซึ่งล่าสุดรวบรวมได้แล้วกว่า 6,500 คน และอยู่ระหว่างการบันทึกประวัติ คัดแยกสัญชาติ ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 15 สัญชาติ ทั้งชาวจีน ชาวต่างชาติอื่น ๆ ทั้งทวีปเอเชีย แอฟริกา และยุโรป ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดแยกสัญชาติ โดยทั้งหมดเป็นผลจากปฏิบัติการในการกวาดล้างของ BGF
ทั้งนี้ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ประกาศตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่เริ่มกวาดล้าง และได้ส่งชาวจีนไปแล้ว 621 คน ส่วนต่างชาติที่เหลือ มีกว่า 1,000 คน ที่ส่งให้รัฐบาลเมียนมา จัดทำรายชื่อส่งผ่านประเทศไทย แจ้งไปยังสถานทูตประเทศต่าง ๆ เพื่อรอรับกลับประเทศต้นทาง ซึ่งขณะนี้เวลาผ่านไปกว่า 2 สัปดาห์แล้ว ได้ BGF เรียกร้องไปยังรัฐบาลไทยและทุกประเทศ เร่งดำเนินการในการนำคนเหล่านี้กลับประเทศของตัวเองด้วย เพราะเป็นห่วงว่าหากล่าช้าอาจจะส่งผลกระทบตามมา

แหล่งข่าวจากกองกำลังติดอาวุธเปิดเผยว่า การเลี้ยงดูชาวต่างชาติที่กองกำลัง BGF และ DKBA คัดแยกออกมานั้น กลายเป็นภาระใหญ่ของทั้งสองกองกำลัง เพราะยังไม่มีท่าทีตอบรับจากทางการไทยว่าจะรับชาวต่างชาติเหล่านี้ได้เมื่อไร ทำให้มีการคิดถึงทางออกด้วยการปล่อยให้ชาวต่างชาติเหล่านี้ข้ามกลับมาฝั่งไทยเอง เพราะคนเหล่านี้ต่างข้ามมาจากประเทศไทย
“ขณะนี้หลายแหล่งที่ไม่ใช่แหล่งขนาดใหญ่ แต่ต้องได้รับผลกระทบจากมาตรการ 3 ตัดของไทย กำลังจะมีการปล่อยตัวให้ชาวต่างชาติกลับเข้ามาไทยเอง”แหล่งข่าว กล่าว
ด้านสำนักข่าว Global Times และ Xinhua สื่อในความควบคุมของรัฐบาลจีน รายงานอ้างอิงคำพิพากษาของศาลประชาชนสูงสุดจีน ในคดีที่ผู้ต้องหาชาวจีน 4 ราย เกี่ยวพันกับขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงและฉ้อโกงเงินเหยื่อทางโทรคมนาคมในต่างแดน

ทั้งนี้ ศาลจีนได้ตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแก่ผู้ต้องหาแซ่อวี่ แซ่หยาง แซ่หวง และแซ่เฉิน ซึ่งในข่าวไม่ได้เปิดเผยชื่อจริง ในฐานะผู้กระทำผิดด้วยข้อหาที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ก่อเหตุฉ้อโกงทางโทรคมนาคม ลักลอบนำพาคนข้ามแดนเพื่อไปเข้าร่วมปฏิบัติการผิดกฎหมายในต่างประเทศ
สื่อจีนรายงานด้วยว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกชี้มูลความผิดว่าเป็นผู้บงการหลักในการจัดตั้งเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ฉ้อโกงเหยื่อผ่านทางระบบโทรคมนาคม และศาลได้ตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตแก่ผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งเป็นบทลงโทษสูงสุดในคดีประเภทนี้ แต่มีรายงานเพิ่มเติมว่าผู้ต้องหาแซ่หยางอาจถูกพิจารณาโทษหนักกว่าคนอื่นเนื่องจากมีประวัติเป็นผู้กระทำผิดซ้ำ
นอกจากนี้ ศาลจีนยังมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับคดีเร่งดำเนินการยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและนำไปชดเชยเยียวยาแก่ผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขหรือมูลค่าความเสียหายต่อสาธารณะ
แม้สื่อจีนจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน แต่การพิจารณาคดีผู้ต้องหาทั้ง 4 คนเกิดขึ้นหลังจากตัวแทนทางการจีน ไทย เมียนมา และกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ร่วมกันกวาดล้างและจับกุมเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ในโครงการเมืองเศรษฐกิจชเวโก๊กโก่ เมืองเมียวดี รวมถึงช่วยเหลือและส่งกลับผู้เสียหายจากชาติต่างๆ ที่ถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์เชื้อชาติจีนซึ่งอาศัยพื้นที่ความขัดแย้งในเมียนมาในการก่อเหตุในช่วงหลายปีที่ผ่านมา