Search

ยังไร้ภาครัฐเหลียวแลคนไทยสิงขร สำรวจพบอพยพหนีตายมาอยู่กับญาติฝั่งไทยแล้ว 27 ครอบครัว คาดมากถึง 80 ครอบครัว ย้ำคือคนเชื้อสายไทย-ไม่ใช่พม่า

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 นายภควินท์ แสงคง ที่ปรึกษาเครือข่ายการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย จังหวัดพังงา ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 26-27 ก.พ. ทางเครือข่ายฯได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ของคนไทยพลัดถิ่นที่อพยพหนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ข้ามพรมแดนเข้ามายังพื้นที่ชายแดน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยพบว่ากลุ่มผู้อพยพคือคนไทยจากหมู่บ้านสิงขรหรือไทยสิงขร ได้หนีภัยเข้ามาอาศัยอยู่กับเครือญาติกระจายอยู่ในชุมชนต่าง ๆ ใกล้บริเวณชายแดน

นายภควินทร์ กล่าวต่อว่า ในวันแรกมีการสำรวจ พบคนไทยสิงขรใน 3 ชุมชน คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่บ้านไร่เครา 21 ครอบครัว หรือ 72 คน  บ้านคลองลอย 4 ครอบครัว 6 คน และ จ.ชุมพร ที่บ้านท่าแซะ 2 ครอบครัว 6 คน โดยได้ประสานงานกับแกนนำชุมชนเร่งสำรวจในชุมชนเป้าหมายเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ซึ่งประเมินว่ามีคนไทยสิงขรที่อพยพเข้ามายังประเทศไทยแล้วประมาณ 70-80 ครอบครัว 

นายภควินทร์ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามชาวบ้านพบว่า ขณะนี้ยังมีการสู้รบในพื้นที่บ้านสิงขรอย่างต่อเนื่อง เพราะกองทัพพม่าต้องการขับไล่กองกำลังฝ่ายต่อต้านคือ กองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) และ กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ออกจากพื้นที่บ้านสิงขร และยึดพื้นที่ชายแดนตรงข้าม จ.ประจวบฯ ไปจนถึงเมืองมะริด ทำให้ชาวบ้านต้องอาศัยเส้นทางธรรมชาติหนีข้ามมายังประเทศไทย บางส่วนหลบหนีไปอาศัยในชุมชนคนไทยพลัดถิ่นอื่น ๆ เช่น บ้านทรายขาว บ้านปกเปี้ยน หรือชุมชนคนพม่าที่บ้านละมุ บางกลุ่มหนีขึ้นเหนือไปในพื้นที่เมืองตะนาวศรี  

“ชาวบ้านบอกว่าตอนนี้การสื่อสารในพื้นที่บ้านสิงขรถูกตัดขาดทั้งหมด ทหารพม่าปิดกั้นถนนไม่ให้รถผ่าน ถ้าหากทหารพม่ายึดบ้านสิงขรจากฝ่ายต่อต้านได้ ก็อาจจะเดินหน้าโจมตีชุมชนคนไทยพลัดถิ่นอื่นใกล้ชายแดนเพิ่มอีก” นายภควินทร์ กล่าว

ที่ปรึกษาเครือข่ายฯกล่าวว่านายภควินทร์ กล่าวว่าต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลกลุ่มคนไทยสิงขรอย่างเร่งด่วน โดยควรให้ความสำคัญกับปัญหาของคนไทยพลัดถิ่นกลุ่มนี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เสื้อผ้าและของใช้จำเป็น เนื่องจากส่วนใหญ่ญาติพี่น้องฝั่งไทยที่ดูแลคนไทยสิงขรมีฐานะยากจน ขณะที่คนไทยสิงขรบางคนหนีมาแต่ตัวโดยไม่ได้มีเงินทองหรือเสื้อผ้าติดตัวมาเพียงชุดเดียวเท่านั้น รวมถึงการอนุญาตให้เดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาพยาบาล ซึ่งในระยะยาวจะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน

“พวกเรากำลังหารือกันว่าจะเปิดรับความช่วยเหลือ มีการเตรียมสถานที่เพื่อพักคอยสิ่งของบริจาคแล้ว ตอนนี้ใครระดมของบริจาคมาเรามีพื้นที่รองรับ เราไม่อาจปล่อยพี่น้องที่เป็นคนไทยด้วยกันอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครเหลียวแล เขาไม่ใช่คนพม่าหรือคนกะเหรี่ยง เมื่อเป็นคนเชื้อสายไทยรัฐต้องดูแลอีกแบบ แล้วก็เป็นโอกาสที่สังคมจะได้ทำความเข้าใจปัญหาคนไทยพลัดถิ่นด้วย” นายภควินทร์ กล่าว

นายน้อย ประกอบปราณ อายุ 73 ปี หนึ่งในชาวไทยสิงขรที่อพยพหนีภัยสงครามข้ามพรมแดนมายังพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะตัดสินใจออกจากหมู่บ้านนั้น สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มไม่ปลอดภัย เนื่องจากทหารพม่าเข้ามาตั้งค่ายทหารในหมู่บ้านสิงขร แล้วมีการเปิดฉากรบกับทหาร KNU ที่ตั้งกองกำลังอยู่ในบริเวณชายป่ารอบหมู่บ้าน มีการยิงปะทะตลอดหลายวันต่อเนื่อง ช่วงนั้นตนกับชาวบ้านบางส่วนได้ตัดสินใจพาเด็กและผู้สูงอายุหนีออกจากหมู่บ้านไปหลบอยู่ในไร่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตร โดยต้องออกไปซื้อเสบียงยังหมู่บ้านคนพม่าที่อยู่ไม่ไกล กระทั่งในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การสู้รบรุนแรงมากขึ้น ชาวบ้านในกลุ่มของพวกตนได้ตัดสินในหนีออกจากพื้นที่โดยมอเตอร์ไซค์ ใช้เส้นทางถนนมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชายแดนไทย ส่วนชาวบ้านที่เหลืออยู่ในหมู่บ้านถูกทหารพม่าสั่งให้ออกจากหมู่บ้านในวันที่ 19 กุมภาพันธ์

 “หลังจากหนีออกมา ทหารพม่าก็ปิดเส้นทาง หากหนีไม่ทันก็คงต้องหลบอยู่ในป่า ตลอดเส้นทางมาชายแดนไทยเจอทหารฝ่ายต่อต้านตลอดทาง แต่เขาไม่ได้ทำอันตรายชาวบ้าน ชาวบ้านมีเงินติดตัวไม่มากพวก KNU ก็ช่วยชาวบ้านให้ข้าวสารครอบครัวละ 1 ถังเป็นเสบียง จนหนีมาขออาศัยหลบภัยกับญาติพี่น้องฝั่งไทย พระสงฆ์ก็หนีมาจำวัดไทย” นายน้อย กล่าว

นายน้อย กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้บ้านสิงขรอยู่ในพื้นที่ควบคุมของทหารพม่า ต่อมาถูก KNU โจมตีอย่างหนักจนทหารพม่าต้องออกจากพื้นที่ ซึ่งทหารพม่ามองว่าส่วนหนึ่งที่พ่ายแพ้เพราะชาวบ้านให้ความสนับสนุนฝ่ายต่อต้าน แต่จริง ๆ แล้วชาวบ้านไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง ตั้งหน้าตั้งตาทำสวนทำไร่และต้องการอยู่อย่างสงบสุขเท่านั้น

“ตอนนี้ชาวบ้านหนีไปคนละทิศคนละทาง บางคนไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะพม่าตัดสัญญาณโทรศัพท์ ติดต่อกันไม่ได้ จนข้ามมาฝั่งไทยเพิ่งเห็นภาพระเบิดลงหลังคาวัด หมู่บ้านถูกไฟไหม้ ถ้าเหตุการณ์สงบก็ไม่รู้จะกล้าไปไปมั้ย เพราะอาจมีระเบิดฝังอยู่ ไม่รู้ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน คงต้องรอให้มีการตรวจระเบิดให้ปลอดภัยก่อน” นายน้อย กล่าว

——–

On Key

Related Posts

“โรม”แนะรัฐใช้มาตรการเข้มกับ “ว้า”หลังพบเป็นต้นเหตุสารพันปัญหาทั้งยาเสพติด-ทำเหมืองทองต้นแม่น้ำ-รุกล้ำชายแดน กมธ.ความมั่นคงเตรียมลงพื้นที่เชียงรายสอบข้อเท็จจริงสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก-สาย เตือนระวังชาวบ้านถาม “มีรัฐบาลไว้ทำไม”

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 นายรังสิมันต์ โรม ประธาRead More →