เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2568 นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.สส. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผอ.ศอ.ปชด.) และได้ประชุมร่วมกับ ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ไทย-ลาว จ.เชียงราย ซึ่งมีนายชรินทร์ ทองสุข ผวจ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลและรายงานสถานการณ์ และได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสนในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาว่าในส่วนของท้องถิ่นและนักธุรกิจแม่สาย ได้ขอให้ทางฝ่ายความมั่นคงทบทวนและผ่อนปรนมาตรการตัดไฟ เนื่องจากทั้งฝั่งไทยและเมียนมาต่างได้รับผลกระทบทั้งชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้า เนื่องจากมีไฟฟ้ากว่าครึ่งของเมืองถูกจำกัด มีใช้วันละ 4-5 ชม.
“อยากให้รัฐบาลไทยทบทวนมาตรการโดยเฉพาะเรื่องการตัดไฟ ซึ่งทาง ผบ.สส.ให้แนวทางกับคณะกรรมการชายแดนไทยแจ้งกับทางฝ่ายเมียนมาให้เร่งการปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และขอให้เจ้าหน้าที่เมียนมาหลังจากดำเนินคดีของฝ่ายเมียนมาแล้วให้ส่งเครื่องมืออุปกรณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของกลางที่เป็นของแก๊งค์ไทยส่งให้ทางการไทย ถ้าเป็นของแก๊งค์คนจีนส่งไปให้ทางการจีนเพื่อดำเนินการทางคดีต่อไป เมื่อได้สถิติตัวเลขเหล่านี้ก็จะสามารถนำไปนำเสนอกับทางรัฐบาลไทยเพื่อการทบทวนมาตรการได้”นายกเทศมนตรีแม่สายกล่าว
นายชัยยนต์กล่าวว่า ส่วนตัดน้ำมันนั้น ฝั่งเมียนมาปรับตัวได้โดยมีการนำเข้าจากลาว และบางส่วนผ่านทางท่าเรือเชียงแสน ซึ่งพล.อ.ทรงวิทย์ได้รับทราบข้อมูลและจะไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูสถิติการส่งออกน้ำมันว่าความผิดปกติหรือไม่อย่างไร ส่วนเรื่องการตัดสัญญาณอินเตอร์เนตเอกชนที่ขายให้กับสัมปทานทางฝั่งท่าขี้เหล็ก ยังไม่ได้ตัดสัญญาณที่มีการบริการเกตเวย์ระหว่างประเทศแบบถูกกฎหมาย ทำให้ยังมีสัญญาณเนตใช้
นายกเทศมนตรีแม่สายกล่าวว่า สำหรับเรื่องการขุดลอกลำน้ำสายนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างที่จังหวัดท่าขี้เหล็กทำเรื่องเบิกงบประมาณการขุดลอกจากรัฐบาลเนปิดอว์ ส่วนทางฝั่งไทยนั้น กรมการทหารช่าง กองทัพบกได้จัดทำแผนขุดลอกแล้วและงบประมาณได้รับการอนมัติในหลักการ โดยในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) จะนำเสนอในที่ประชุม Sub JCR ที่ห้องประชุมอำเภอเชียงแสน ซึ่งการหารือกับทางจังหวัดท่าขี้เหล็กล่าสุดคาดว่าจะเริ่มขุดได้ในเดือนเมษายน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา พล.อ.ทรงวิทย์ ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานีเรือเชียงแสน ซึ่งมีการการจับกุมตรวจสารตั้งต้นหรือยาเสพติดประเภท 4 จากการตรวจสอบโกดัง บ.ธงหัง อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ พื้นที่ อ. เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีชายชาวจีนมาติดต่อขอเช่าโกดังเพื่อพักเก็บสินค้าเตรียมส่งออกไปประเทศเมียนมาทางเรือและพบสิ่งของต้องสงสัยบรรจุในลังไม้ 2 ชิ้นซึ่งเป็นสารเคมี เป็นการสำแดงเท็จว่าเป็นเครื่องจักร จึงอายัดไว้ตรวจสอบสารเคมีน้ำหนักรวมประมาณ 1,061 กก. และภายหลังการส่งสถาบันวิชาการและตรวจยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ตรวจสอบ พบว่า เป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 4 เป็นสารเคมีที่ใช้ผลิตยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 ได้แก่น้ำยาอะเซติคแอนไฮไดรย์ และ อะเซติคลอไรด์ ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน สารคลอซูไดอีเพครีน สามารถใช้ในการผลิตยาบ้าได้ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก 12 ชนิด ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้า
ระหว่างการลงพื้นที่ พล.อ.ทรงวิทย์ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงบ่ายในวันที่ 21 มีนาคม จะมีการสรุปผลการปฎิบัติงาน Seal Stop Safe เพื่อรายงานผลในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและทราบว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการเพิ่มว่า จะมีการประชุมผู้นำหน่วยเกี่ยวกับการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนที่กองบัญชาการกองทัพบก
สำหรับเรื่องการขุดเหมืองตอนบนเหนือลำน้ำสายในเมียนมานั้น พล.อ.ทรงวิทย์กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีการทำเหมืองและมีการปนเปื้อนในลำน้ำแม่สายจากการทำเหมืองแร่จริง แต่จากการตรวจสอบในปีที่ผ่านมาพบว่ายังไม่เกินมาตรฐาน และในปีนี้จากที่ติดตามข้อมูล พบความขุ่นน้อยกว่าปีที่ผ่านมามาก ส่วนเรื่องโทรมาตรในการตรวจวัดปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำนั้น จะมีการติดตั้งเพิ่มแน่นอนในปีนี้ และจะติดตั้งที่เชียงตุง ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการเจรจากับทางประเทศเมียนมาบางพื้นที่จะลำบากเพราะอยู่ในพื้นที่ชนกลุ่มน้อย
———–