เมื่อวันที่17 มีนาคม 2568 สำนักข่าว Khit Thit Media รายงานว่า กระทรวงสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลสหภาพเอกภาพ (National Unity Government – NUG) เรียกร้องให้ประชาคมโลกต่อต้านการโจมตีทางอากาศโดยกองทัพพม่า หลังจากที่ล่าสุดกองทัพพม่ายังคงเดินหน้าทิ้งระเบิดในภาคเหนือของรัฐฉานและในเขตมัณฑะเลย์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 41 รายแล้ว
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2568 กองทัพพม่าใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดที่วัดและโรงเรียนพระปริยัติธรรมแห่งหนึ่ง ในเมืองหนองเขียว ทางเหนือของรัฐฉาน ทำให้มีพระสงฆ์และเณรจำนวน 9 รูปมรณภาพ และมีชาวบ้านเสียชีวิตอีก 5 ราย ภายหลังสืบทราบมาว่า วัดแห่งนี้เป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยสงคราม ชาวบ้านที่เสียชีวิตเป็นผู้ลี้ภัยสงครามที่มาอาศัยพักพิงที่วัดดังกล่าว
ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่เครื่องบินรบของกองทัพพม่าจะทิ้งระเบิด ได้บินวนต่ำเพื่อสังเกตการณ์ หลังทราบว่า มีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ที่วัดแห่งนี้ เครื่องบินดังกล่าวได้ทิ้งระเบิดใส่ทันที เป็นความตั้งใจของพวกเขา (กองทัพพม่า)ที่จะสังหารผู้ลี้ภัย พลเรือนผู้บริสุทธิ์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา กองทัพพม่าเองได้ทิ้งระเบิดใส่ฝูงชนที่ตลาดในหมู่บ้านเล็ตปานละ เมืองสิ่งกู่ เขตมัณฑะเลย์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจำนวน 27 ราย ในจำนวนนี้ มีเด็กรวมอยู่ด้วย และมีบ้านเรือนจำนวนมากได้รับความเสียหาย ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยกระทรวงสิทธิมนุษยชนของ NUG พบว่า ตั้งแต่ปี 2023 จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2025 กองทัพพม่าได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศในพื้นที่พลเรือนแล้ว 2,190 ครั้ง และมีเด็ก 372 คนเสียชีวิต ซึ่งการโจมตีสถานที่สาธารณะและการก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็กโดยกองทัพพม่านั้น ถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ขณะที่สำนักข่าว SHAN สื่อของไทใหญ่ เปิดเผยโดยอ้างอิงกองกำลังป้องกันแห่งชาติคะเรนนี (The Karenni Nationalities Defense Force – KNDF) ว่า กองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่และอาวุธที่ทำให้เกิดไฟไหม้ รวมทั้งจุดเผาทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านทั้งในเมืองเป่โข่น (เมืองฝายขุน) และเมืองโมเป (เมืองปาย) เป็นจำนวนมาก มีการใช้โดรนติดอาวุธทิ้งระเบิดตามหมู่บ้าน แม้ไม่มีเหตุสงครามโดยนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงเดือนมีนาคม 2568 กองทัพพม่ายังคงส่งกำลังพลประชิดและโจมตีกองทัพ KNDF อย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองฝ่ายยังคงสู้รบกันอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต้องหนีภัยสงคราม
