
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร เปิดเผยถึงสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดนด้าน จ.ตากว่า ขณะนี้มีสถานการณ์สู้รบในประเทศเพื่อนบ้านบริเวณชายแดน 2 แห่ง คือตรงข้าม อ.พบพระ ที่ฐานกะเนเล และตรงข้าม อ.ท่าสองยาง ฐานเคล่อเด และฐานแจ๊ ผิ่ว โกง โดยทหารพม่าได้เอาเครื่องบินมาทิ้งระเบิด โดยเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมามีผู้อพยพหนีข้ามมายังฝั่งไทยและตอนนี้เหลือ 41 คน ที่บ้านแม่สลิดหลวง
พ.อ.ณัฐกรกล่าวว่า สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) ต้องการเคลียร์ฐานทหารพม่าริมน้ำเมยออกไป ซึ่งเวลานี้เหลือ 4 ฐาน แต่สำหรับเขตกองพลน้อยที่ 5 ริมแม่น้ำสาละวินเคลียร์ได้ทั้งหมดแล้ว ส่วนในเขตตรงข้าม อ.พบพระ เป็นเขตของกองพลน้อยที่ 6 ก็เป็นฐานพม่าที่ KNU ต้องการผลักดันออกไปให้หมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อทหารพม่าใช้อากาศยาน ทางการไทยได้เฝ้าระวังอย่างไร พ.อ.ณัฐกรกล่าวว่า กองทัพอากาศส่ง F16 มาตลอด โดยเมื่อคืน(วันที่ 23 มีนาคม)ก็ขึ้นบิน
ขณะที่แหล่งข่าวในพื้นที่กล่าวว่า ฐานเคล่อเดบริเวณตรงข้ามกับบ้านแม่สลิดเป็นฐานใหญ่ของทหารพม่าอยู่ห่างจากฝั่งไทยไม่มาก โดยที่ผ่านมากองทัพพม่าได้ใช้อากาศยานส่งเสบียงและอาวุธมาอย่างต่อเนื่องเพราะทราบดีว่าตกเป็นเป้าหมายที่กองทัพกะเหรี่ยง KNU ผลักดันออก แต่เนื่องจากฐานทหารแห่งนี้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญ ที่เชื่อมต่อทางการค้าระหว่างชายแดนไทยกับพื้นที่ชั้นในของพม่า นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางเชื่อมไปยังฐานใหญ่ทางทหารของพม่า “ชานหยั่วติช” ซึ่งอยู่ลึกเข้าไป ทั้งนี้ทหาร KNU กำลังปิดล้อมฐานเคล่อเดไว้ เนื่องจากอยู่บนเนินเขาสูงลักษณะคล้ายกับที่ปิดล้อมฐานปูลูตู้ซึ่งต้องใช้เวลานานนับสัปดาห์กว่าจะผลักดันได้สำเร็จ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของฐานทหารพม่าที่อยู่ตรงข้ามกับ อ.พบพระซึ่งเป็นรอยต่อกับ อ.อุ้มผางนั้น กองกำลัง KNU กองพล 6 เป็นกำลังหลัก โดยฐานทหารพม่าบริเวณนี้ใหญ่กว่าฐานเคล่อเดและมีกำลังพลมากกว่า โดยในบริเวณนี้มีฐานทหารพม่ากระจายตัวอย่างน้อย 3 ฐาน ซึ่งมีฐานทีตาแหละ เป็นกองบัญชาการควบคุมซึ่งสามารถยิงปืนใหญ่ใหญ่สนับสนุนได้ไกลมาถึงฝั่งไทย
“KNU ต้องการผลักดันทหารพม่าออกไปจากแนวตะเข็บชายแดนให้หมดภายในสิ้นปีนี้ ทำให้กองทัพพม่าพยายามสกัดกั้นทุกวิถีทาง ดังนั้นการสู้รบตามบริเวณชายแดนด้านจ.ตากจึงดุเดือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกองทัพอากาศไทยก็ส่งเครื่องบินขึ้นไปสำรวจตรวจตราถี่ขึ้น”แหล่งข่าว กล่าว
——-