Search

ภาคประชาชนพม่าเตือนนานาชาติ ส่งความช่วยเหลือผ่านรัฐบาลทหารอาจไม่ถึงมือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว เผยเสียหายกว้างใหญ่ ทีมกู้ภัยนานาชาติเป็นแค่หยดน้ำในทะเล-เรียกร้องทุกฝ่ายหยุดยิง-เปิดเส้นทางมนุษยธรรม

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 ดร.ซาน อ่อง Dr. Sann Aung ผู้อำนวยการมูลนิธิ New Myanmar Foundation ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในพม่าว่า เป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา พื้นที่ของอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลก แผ่นดินไหวส่งผลให้สะพานหลักพังเสียหาย เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างเมืองมันฑะเลย์และเมืองสะกาย ถนนพัง ที่สำคัญที่สุดคืออาคารบ้านเรือนต่างๆ พังถล่มลงมา คนนับหมื่นได้รับความเดือดร้อนและอีกนับพันต้องเสียชีวิตลง ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากกำลังได้รับบาดเจ็บ แต่ยังมีข้อมูลไม่ครบจึงบอกความเสียหายได้ไม่หมด

ดร.ซานอ่องกล่าวว่า เท่าที่ทราบยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เดือดร้อนแต่ยังไม่ได้การช่วยเหลือ และอีกหลายพื้นที่ ได้รับความช่วยเหลือช้ามาก ปัญหาคือข่าวที่รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บนั้น การช่วยเหลือยังไปถึงไม่ครบ ความช่วยเหลือทุกอย่างจนกระทั่งบัดนี้คือประชาชนทำกันเอง ชาวบ้านช่วยกันเอง กองทัพพม่และทหารพม่าไม่สนใจประชาชน โดยมาตรการการจัดการภัยพิบัติไม่มีเลย

“พื้นที่ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือฉุกเฉิน ได้แก่พื้นที่ในมัณฑะเลย์ สะกาย ซึ่งเป็นสองเมืองใหญ่ ถึงจะเป็นเขตเมืองขนาดนั้น แต่ความช่วยเหลือก็ยังไปไม่ครบ ที่ประเทศพม่าการบริการสาธารณะเลวร้ายมาก มาตรการการเยียวยาและฟื้นฟูจากภัยพิบัติไม่มีมีเลย ไม่มีเจ้าหน้าที่ สภากาชาดพม่าเองก็ผูกติดอยู่กับทหารพม่า เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพพม่า ที่พม่าไม่เหมือนญี่ปุ่นซึ่งมีประสบการณ์ มีแผนเผชิญเหตุแผนฟื้นฟูทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่พม่าไม่มีศักยภาพเลย”ผู้อำนวยการมูลนิธิฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้หลายชาติได้ส่งทีมงานกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพม่า ดร.ซานอ่องกล่าวว่าตนคิดว่าก็คงเป็นแค่หยดน้ำในทะเล เพราะพื้นที่ความเสียหายจากภัยพิบัติครั้งนี้กว้างใหญ่มาก ทีมกู้ภัยเล็กๆ ส่งกันมาแค่ 100-200 คน คงไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้เพียงพอ หากเทียบกับขนาดความเสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตนอยากให้พม่ามีการช่วยเหลือของพม่าเอง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะทางการพม่าและกองทัพพม่าไม่ทำอะไรเลย

“ในวันเดียวกันที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวคือวันที่ 28 มีนาคม กองทัพพม่ายังส่งอากาศยานไปถล่มโจมตีประชาชนอยู่เลย สถานการณ์ภัยพิบัติรุนแรงขนาดนี้ ทำไมไม่ประกาศการหยุดยิง มีแต่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือรัฐบาลเงา (National Unity Government of Myanmar-NUG) ที่ประกาศหยุดยิง 2 สัปดาห์ ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ เราต้องมุ่งช่วยเหลือประชาชนเป็นอันดับแรก”ดร.ซานอ่อง กล่าว

ดร.ซานอ่อง กล่าวว่า ในประเทศไทย รัฐบาลได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อช่วยประชาชน แต่ในสถานการณ์เดียวกันที่พม่า ยังไม่มีอะไรสักอย่าง เราต้องเอาทรัพยากรบุคคล กำลังคน ทุกอย่างมาช่วยประชาชนของเราเอง และประกาศขอรับความช่วยเหลือจากนานาชาติ ไม่ใช่ให้ พล.อ.มินอ่องลาย ออกมาแค่พูดครั้งเดียวจบ ซึ่งจริงๆแล้วทางการพม่าควรไปพบสถานทูตต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือในทันที และควรเปิดทุกทางให้ส่งความช่วยเหลือเข้ามาได้ในพื้นที่

“ตอนพายุนาร์กีส ประชาชนนับล้านต้องประสบภัยพิบัติ แต่ทหารพม่ากลับปิดเส้นทางทั้งหมดที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่เป็นความช่วยเหลือของสหประชาชาติ เพราะเขาไม่สนใจประชาชน เราพบว่ามีข้าวบริจาคของหน่วยงาน UN กลับเอาไปให้ทหารพม่า แทนที่จะส่งให้ถึงมือประชาชนผู้ที่กำลังทุกข์อย่างสาหัส ทำไมทหารพม่าไม่ยอมปล่อยให้ความช่วยเหลือจากนานาชาติเข้าถึงประชาชนอย่างเต็มที่ กลับปิดกั้นเส้นทางความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ซึ่งควรเข้าไปถึงพื้นที่ที่ประสบภัยได้เต็มที่และทันที”ผู้อำนวยการมูลนิธิฯผู้นี้ กล่าว

ดร.ซานอ่องกล่าวว่า ทหารพม่าต้องหยุดการกระทำแบบนี้ที่บิดเบือนปิดกั้นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของนานาชาติ พวกตนในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมขอเรียกร้องให้ความช่วยเหลือจากนานาชาติเข้าสู่ประชาชนพม่า แต่ห้ามให้มาผ่านทหารพม่า พื้นที่ในเขตของฝ่ายต่อต้านก็ต้องเข้าไปได้ การช่วยเหลือผ่านพรมแดน cross-border aid ผ่าน NGOs ผ่านพรมแดนไทยพม่าควรเริ่มในทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้กระทบการสู้รบในพม่าหรือไม่ ดร.ซานอ่องกล่าวว่า คงไม่ เพราะสถาการณ์สงครามในพม่านั้น ทุกกลุ่มต้องหยุดยิงกันทันที และต้องเปิดเส้นทางให้ความช่วยเหลือเข้าไปได้ ประเทศพม่าอยู่ภายใต้เผด็จการทหารมามากกว่า 50 ปี ประชาชนทนทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนาน คนจำนวนมากต้องอพยพมาประเทศไทย ทหารพม่าคือปัจจัยสำคัญของการปิดกั้นความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เราต้องเอาอำนาจออกไปจากกองทัพพม่า ต้องเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน

“หากความช่วยเหลือในครั้งนี้ส่งผ่านทหารพม่า ก็คงเป็นแค่หยดน้ำในทะเล ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในครั้งนี้เกิดในเขตสีขาว ที่เมืองมัณฑะเลย์ สะกาย ส่วนหนึ่งของรัฐฉาน พะโค มะเกว ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ในภัยพิบัติครั้งนี้เราต้องใช้ทรัพยากรและสรรพกำลังมหาศาลในการเข้าไปช่วยกู้ภัย ช่วยเหลือ และฟื้นฟู การช่วยเหลือนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งผ่านองค์กรประชาชน”ดร.ซานอ่อง กล่าวดร.ซานอ่องกล่าวว่า ขณะนี้องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานตลอดแนวชายแดนไทยพม่า กำลังพยายามสร้างเครือข่ายมนุษยธรรม ร่วมกับเครือข่ายสุขภาพของ พญ.ซินเทีย จัดระบบการส่งต่อความช่วยเหลือเข้าไปให้ประชาชนในพม่า รวมทั้ง NUG เราพยายามช่วยส่งความช่วยเหลือเข้าไปให้ถึงประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด

ดร.ซานอ่องกล่าวว่า ขณะนี้องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานตลอดแนวชายแดนไทยพม่า กำลังพยายามสร้างเครือข่ายมนุษยธรรม ร่วมกับเครือข่ายสุขภาพของ พญ.ซินเทีย จัดระบบการส่งต่อความช่วยเหลือเข้าไปให้ประชาชนในพม่า รวมทั้ง NUG เราพยายามช่วยส่งความช่วยเหลือเข้าไปให้ถึงประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด

On Key

Related Posts

เชื่อกองกำลังปะหล่องยอมคืนเมืองที่ยึดได้ทางเหนือรัฐฉาน หลังถูกจีนกดดันอย่างหนัก ขณะที่กระแสต่อต้านจีนเพิ่มขึ้น แฉรัฐบาลแดนมังกรทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองในพม่า

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ในรายการ This week’s IRead More →

เผยทหารว้าขยายพื้นที่ทำเหมืองทองเพิ่มขึ้น-ไม่สนใจความเดือดร้อนของคนลุ่มน้ำกก-สาย แม้รู้ข่าวสารปนเปื้อนลงน้ำแล้ว ชาวพม่า-ไทใหญ่เดือดร้อนกันถ้วนหน้า นักวิชาการ มฟล.เสนอ 3 สถาบันการศึกษาร่วมจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำเชียงราย

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งอาศRead More →

ประชุมแม่น้ำข้ามแดนนัดแรก จังหวัดเชียงรายดันสร้างฝายดักตะกอนแก้ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ตั้งคณะทำงาน 4 ชุด นักวิจัยติงคิดให้รอบคอบ หวั่นไม่มีที่ทิ้งสารพิษ-มีบทเรียนจากลำห้วยคลิตี้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องธรรมลังกา ศาลากลRead More →