Search

องค์กรท้องถิ่น-ท้องที่แจ้งเตือนประชาชนพิษสารหนู-ตะกั่วในแม่น้ำกกเกินมาตรฐาน วอนรัฐเร่งเจรจากับฝั่งพม่า งดทำเหมืองทองต้นน้ำ เผยเศรษฐกิจท่องเที่ยวชุมชนพังพินาศ-ระบบนิเวศยับเยิน-ปลาลดหาย กรมอนามัยเตือน 7 อำเภอเลี่ยงการใช้น้ำ

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ(สคพ.)ที่ 1 เชียงใหม่ รายงานการตรวจพบสารหนูและตะกั่วเกินมาตรฐานในแม่น้ำกก ภายหลังจากน้ำตัวอย่างน้ำ 3 จุดที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ไปตรวจสอบ โดยล่าสุดได้มีการส่งเรื่องไปยังหน่วยงานในพื้นที่ และทางอำเภอแม่อายได้ส่งเรื่องให้ รพ.สต.ทุกพื้นที่ สาธารณสุขอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้านแจ้งเตือนประชาชน

ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอน ได้โพสต์เฟสบุคระบุว่า “จากกรณีแม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ เผยผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำกกในพื้นที่อำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่ พบการปนเปื้อนโลหะหนัก จึงขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนที่จะลงเล่นน้ำดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงการนำไปใช้ อุปโภค บริโภค ในระยะนี้ และระมัดระวังในการจับสัตว์น้ำไปบริโภคด้วย
อย่างไรก็ตามทางคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตอนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้กำลังหาแนวทางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาต่อไป”

ขณะที่ รพ.สต.บ้านท่ามะแกง ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ได้โพสต์ข้อความระบุอันตรายของสารหนู ว่าทำให้มีอาการผื่นแพ้ คันจากการสัมผัส มีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ถ่ายเหลวจากการรับประทาน หากได้รับการสะสมเป็นระยะเวลานานอาจเกิดโรคมะเร็งได้

ด้านนายพัฒนพงศ์ อินทะนะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 บ้านร่มไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ข่าวการตรวจพบสารหนูและตะกั่วปนเปื้อนในแม่น้ำกกที่ ต.ท่าตอน แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ จึงได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบว่าห้ามใช้น้ำและห้ามเล่นน้ำ โดยหมู่บ้านอยู่ติดกับแม่น้ำกกซึ่งปกติในช่วงมีนาคม-เมษายน ทุกปีชาวบ้านจะทำซุ้มริมแม่น้ำกก มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำมาพักผ่อนกันจำนวนมาก แต่ในปีนี้น้ำกกมีสีขุ่นข้นจึงมีนักท่องเที่ยวน้อยมาก ยิ่งมีการประกาศว่ามีสารหนูอยู่ในน้ำด้วยแล้ว คงไม่มีใครกล้ามาเล่นน้ำอีก

“เวลานี้ได้มีประกาศห้ามเล่นน้ำ แม้แต่ประเพณีสงกรานต์ที่พระธาตุสบฝาง ก็เชื่อว่าไม่สามารถเล่นน้ำได้เช่นเดียวกัน น้ำกกขุ่นต่อเนื่องแล้ว 6 เดือน ผลตรวจพบว่าขุ่นมากถึง 8-9 เท่า ที่ผ่านมาปลาหายไป ปลาแข้ หายไป เหลือแต่ปลาขาว ปลากดหางแดง ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อวิธีชีวิตของชาวบ้านมาก”นายพัฒนพงศ์ กล่าว

นายพัฒนพงศ์กล่าวว่า ที่บ้านเปียงคำ ฝั่งรัฐฉานเป็นหมู่บ้านคู่ขนานกับหมู่บ้านร่มไทย ชาวบ้านที่ข้ามกันไปมาต่างก็เล่าถึงสถานการณ์ให้ฟัง ตอนที่เกิดภัยพิบัติรุนแรง ก็รู้อยู่ว่าฝั่งรัฐฉานมีการทำเหมือง ส่งผลให้ดินที่ขุดจากเหมืองแร่ไหลหลากลงมาท่วมบ้านเรือนประชาชนในเมืองเปียงคำ ซึ่งชาวบ้านเดือดร้อนกันมาก

“ก่อนภัยพิบัติเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เราก็พอจะรู้ว่าเขาทำเหมืองแร่ แต่คงไม่มาก และไม่คิดว่าจะมีโคลนมากมายไหลมากับน้ำ ปกติช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม น้ำกกก็เริ่มใสแล้ว แต่ปีนีขุ่นมาก ยิ่งวันนี้ยิ่งขุ่นหนักจนเห็นได้ชัด”ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกก ผลกระทบต่อชุมชนรุนแรงด้านไหนที่สุด นายพัฒนพงศ์กล่าวว่า ปกติช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุกปี ประชาชนมาเที่ยวมาเล่นน้ำจากหลายตำบล เดือนเมษายนเป็นเดือนที่ชาวบ้านมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการขายของริมแม่น้ำกก แต่ตอนนี้คนหายไปหมดเลย

เมื่อถามว่าอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร นายพัฒนพงศ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องไปคุยกับฝั่งพม่า เพื่อให้งดไม่ทำเหมืองแร่ริมแม่น้ำกก โดยเฉพาะบริเวณบ้านฮุ่ง เมืองสาด มีการทำเหมืองแร่จำนวนมาก โดยอยู่ห่างจากชายแดนไทยเข้าไปประมาณ 30 กม.

นายหล้า พุ่มไพรระไหวชื่น ชาวบ้านแคววัวดำ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย กล่าวว่าเห็นชัดเจนว่าน้ำกกขุ่นมาก ตอนนี้นักท่องเที่ยวหายไปเยอะมาก ที่บ้านแควววัวดำตอนนี้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย การตรวจพบสารพิษในแม่น้ำกกทำให้ชาวบ้านมีความกังวลใจแทบไม่มีใครกล้าลงน้ำกันเลย ในช่วง 6 เดือนที่ผ่าน ปลาที่ชาวบ้านจับได้น้อยลงมาก

นายหล้ากล่าวว่า ปกติบรรยากาศฤดูร้อนแม่น้ำกกจะมีนักท่องเที่ยวล่องแพ ล่องเรือ จำนวนมาก แต่เมื่อมีข่าวออกมาคนก็ไม่กล้าลงน้ำ อยากให้รัฐบาลเร่งเจรจากับฝั่งพม่าไม่ให้ทำเหมือง เพราะเราอยู่ท้ายน้ำอย่างไรก็ต้องโดนแน่นอน เรามีวิถีชีวิตกับแม่น้ำกก เมื่อเกิดอะไรขึ้นที่ต้นน้ำก็หลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ หากห้ามไม่ให้ใช้น้ำกกทำการเกษตรอีก ชาวบ้านจะยิ่งลำบาก ซึ่งก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

“ในฐานะที่เป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อ 2567 ผมรู้สึกหวาดกลัวมากว่าปีนี้จะเกิดภัยพิบัติขึ้นเหมือนปีที่แล้วอีกมั้ยเพราะจนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลจะมีแนวทางการเตือนภัย ตอนนี้ผมไม่กล้าอยู่บ้านริมแม่น้ำกก ต้องย้ายไปอยู่ในที่สูง”นายหล้า กล่าว

ขณะที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์แม่น้ำกกในพื้นที่อำเภอแม่อาย พบการปนเปื้อนสารหนูและตะกั่วเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะบริเวณบ้านแก่งตุ้ม มีค่าสารหนูสูงถึง 0.026 มก./ลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 0.01 มก./ลิตร) และสารตะกั่วสูงถึง 0.076 มก./ลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 0.05 มก./ลิตร) ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากโลหะหนัก เช่น ผื่นคัน ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน เสี่ยงต่อการสะสมสารพิษระยะยาว อาจเกิดมะเร็งผิวหนัง โรคทางระบบประสาท

พญ.นงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการยืนยันข้อมูลมีค่าความขุ่น ค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ (BOD) ค่าฟีคอลโคลิฟอร์มแบคทีเรีย ค่าแอมโมเนีย และโลหะหนัก ได้แก่ สารหนู และตะกั่วเกินเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม น้ำประปาในพื้นที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ทั้งน้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาคที่ใช้น้ำดิบจากแม่น้ำฝาง และน้ำประปาในหมู่บ้านที่ใช้น้ำจากประปาภูเขา

นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า แม่น้ำกกไหลผ่าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมือง อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.แม่จัน อ.ดอยหลวง และอ.เชียงแสน จึงแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกก เพื่ออุปโภค-บริโภค และควรใช้น้ำประปาที่ผ่านปรับปรุงคุณภาพ และผ่านการตรวจคุณภาพน้ำแล้ว หากพบอาการผิดปกติจากการสัมผัสสารหนูหรือตะกั่ว เช่น ผื่นคัน คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย เวียนศีรษะ ซึม ชักหรือหมดสติ ควรรีบพบแพทย์ในพื้นที่โดยเร็ว