Search

คนเชียงรายเคลื่อน-ชวนกันร่วมลงชื่อรณรงค์กดดันรัฐบาลเจรจายุติเหมืองทองต้นแม่น้ำกก-เผยประชาชนสิ้นหวังกับระบบเตือนภัย ผวจ.เชียงรายห่วงประปาท้องถิ่นสั่งตรวจตลอดลำน้ำ นักวิชาการกังวลความปลอดภัยคนใช้น้ำประปา นายอำเภอแม่อายสั่งตรวจพืชผลการเกษตร-สัตว์น้ำกก

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 สำนักข่าว The Reporters และ สำนักข่าวชายขอบ ร่วมกันจัดเวทีออนไลน์ “น้ำกกสะอื้นและฝันร้ายถึงภัยพิบัติของชาวเชียงราย” โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางจุฑามาศ ราชประสิทธิ เจ้าหน้าที่อาวุโสมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) นายสืบสกุล กิจนุกร อาจารย์สำนักวิชานวตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดำเนินรายการโดย ฐาปณีย์ เอียดศรีไชย นายประเสริฐ กายทวน ชาวบ้านร่มไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จากการที่สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ตรวจวัดคุณภาพน้ำ ในวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลใจของชาวบ้านในพื้นที่เชียงใหม่และเชียงราย จึงได้เรียกประชุมหน่วยงานทีเกี่ยวข้องวันที่ 6 เมษายน และขณะประชุมก็ได้รับแจ้งผลการตรวจคุณภาพน้ำอย่างไม่เป็นทางการ ว่า คุณภาพน้ำในเชียงรายเกิดมีสารหนู จากค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน 0.01 มก.ต่อลิตร แต่ผลที่ออกมาค่าสารหนูเกินทั้ง 3 จุด ไล่ลงมาตามตั้งแต่ 0.013 มก.ต่อ ลิตร 0.12. มก.ต่อ ลิตร และ 0.11มก.ต่อ ลิตร แม้เกินเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเกิน

ผวจ.เชียงรายกล่าวว่า สิ่งที่จังหวัดดำเนินการ ประกอบด้วย การขอความร่วมมือจากประชาชนงดกิจกรรมสัมผัสน้ำในแม่น้ำกก โดยประสานนายอำเภอในพื้นที่ และสำนักงานเจ้าท่าจังหวัดเชียงรายให้ประกาศแจ้งเตือน และเนื่องจากเราไม่สามารถไปกล่าวโทษแหล่งที่มาของสารหนูอย่างชัดเจน จึงตั้งคณะทำงานสำรวจแม่น้ำกกช่วงรอยต่อจังหวัดเชียงใหม่ถึงปากแม่น้ำกก ว่ามีกิจกรรมริมน้ำไหนบ้างที่จะปล่อยสารหนูลงแม่น้ำกก อาจเป็นภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม หรือครัวเรือน

“ผมได้สั่งการให้สำรวจการนำน้ำจากแม่น้ำกกดำเนินการในชีวิตประจำวัน เช่น การประปาภูมิภาค ใช้น้ำกกผลิตประปา แต่จะมีประปาของท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)และเทศบาล ที่อยู่ท้ายน้ำจาก อ.เมืองเชียงรายลงไป หลายหมู่บ้านที่ใช้แม่น้ำกกผลิตน้ำประปา ให้ส่งข้อมูลมาที่จังหวัดในวันพรุ่งนี้(9 เม.ย.) ในขณะเดียวกันได้ขอทีม อบจ.เชียงรายเร่งเก็บคุณภาพน้ำตัวอย่าง น้ำที่ผลิตจากประปาในพื้นที่ อบต.เทศบาล และหมู่บ้าน ส่งตรวจคุณภาพน้ำที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงราย ตรวจคุณภาพทั่วไปใช้เวลา 1-2 วัน ส่วนโลหะหนักใช้เวลา 7 วัน และได้ประสานให้ คพ.1 มาเก็บตัวอย่างน้ำทุกสัปดาห์ตลอดลำน้ำกก ตั้งแต่ อ.เมือง อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง และ อ.เชียงแสน เพราะประชาชนตลอดลำน้ำต้องการทราบคุณภาพน้ำว่ามีคุณภาพดีหรือไม่ อย่างไร และได้สั่งการให้ อบจ. และ รพ.สต.ทุกแห่งที่อยู่ริมน้ำกก เปิดเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุผู้ใดที่แพ้สารหนู มีความสงสัย มีผื่นคันต่าง ๆ จะได้ให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้ตรวจ หากมีอาการหนักจะได้ส่งต่อ”นายชรินทร์ กล่าว

ส่วนความกังวลที่มาของปัญหาแหล่งของสารโลหะหนักอาจมาจากต่างประเทศนั้น นายชรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องอำนาจเขตพื้นที่ คงดูได้ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย แต่ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มีผู้แทน สทนช.(สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่ชาติ) และกรมควบคุมมลพิษ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมเข้าประชุมด้วย จึงได้ประสานไปด้วย

“ อำนาจหน้าที่ของเชียงรายสามารถตรวจสารเคมีที่เฉพาะในส่วนพื้นที่เชียงราย และให้ทั้งสองหน่วยงานรับไม้ต่อไปยังส่วนกลางและในพื้นที่เชียงใหม่ หรือต้นน้ำที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ ที่จะให้ทั้งสองหน่วยงานช่วยดำเนินการต่อ ขณะที่ผมเองก็ได้เรียนไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว”ผวจ.เชียงราย กล่าว

ผวจ.เชียงราย กล่าวว่าจากเดิมที่ตรวจคุณภาพน้ำ 3 จุด คาดเดาไม่ได้ว่าท้ายน้ำจะเป็นอย่างไร จึงขอให้ คพ.ที 1 ตรวจเพิ่มเพื่อให้ทราบคุณภาพน้ำ หากผลออกมาดีขึ้นจะได้ลดความกังวลใจไปได้บ้าง ในขณะเดียวกัน สทนช. ทราบปัญหานี้จึงรับที่จะประสานระดับประเทศ บอกไปถึงต้นแม่น้ำกก ในกิจกรรมที่อาจจะทำให้สารหนูนี้ไหลมาสร้างความเดือดร้อน ให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่กลางน้ำท้ายน้ำ เชื่อว่าในอนาคตสถานการณ์จะดีขึ้น

“อย่างไรก็ตามคนเชียงรายต้องเฝ้าระวังและระมัดระวังไว้ก่อน ส่วนที่มีชาวบ้านแจ้งว่ามีสัตว์น้ำตายบริเวณบ้านน้ำลัด ต.ริมกก เช่น เต่า กบ ปลา จะให้ทางประมงจังหวัดทำหน้าที่ในส่วนนี้ด้วย ในช่วงสงกรานต์ เล่นน้ำกก หรือขนทรายน้ำกก นั้น ได้แจ้งเตือนไปแล้ว สำหรับประชาชนที่ทำเป็นแคร่ไม้ริมน้ำกกเพื่อเล่นน้ำในช่วงเทศกาลให้งดเว้นก่อน ด้านระยะเวลายังไม่มีการสิ้นสุดในการงดลงไปลำน้ำ จนกว่าสถานการณ์น้ำ จากการตรวจคุณภาพมีผลดีขึ้นจึงจะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง”นายชรินทร์ กล่าว

ส่วนเรื่องคุณภาพน้ำประปาของ กปภ.นั้น ผวจ.เชียงรายกล่าวว่า ทราบจากนักวิชาการว่าสามารถรองรับน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อนได้ถึง 0.05 มก.ต่อลิตร ในศักยภาพของ ระบบ กปภ.จัดการได้ แต่ที่เป็นห่วงคือการประปาอื่น ๆ ในท้องถิ่นท้องที่กำลังอยู่ในการส่งตรวจ ซึ่งทางนายแพทย์สาธารณสุขเชียงรายรายงานว่าขณะนี้เก็บตัวอย่างน้ำมาหมดแล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

นายสืบสกุล กิจนุกร กล่าวว่า ประเด็นท้าทายคือข้อมูลเรื่องโลหะหนักต่าง ๆ ที่ไปสะสมในร่างกายแค่ไหน เพราะไม่รู้ว่ามีมานานเท่าไรแล้ว และสารตัวนี้ไปอยู่ในระบบนิเวศน์ ทำลายห่วงโซ่อาหารไปแค่ไหน ในน้ำกกที่เรารับประทานไปหรือยัง และข้อมูลเรื่องน้ำประปา การตรวจคุณภาพของน้ำของ กปภ. และ ประปาในพื้นที่ท้องถิ่นเป็นข้อมูลที่ต้องรอให้ทางจังหวัดเชียงรายดำเนินการได้รวดเร็ว

“ที่ผมเป็นห่วงคือมีช่องว่างเรื่องความปลอดภัยของประปาที่จะทำอย่างไรให้ปลอดภัย จากคำแนะนำของ สสจ.เชียงรายที่ประกาศ เกี่ยวกับการเลือกน้ำดื่มที่ปลอดภัย เป็นข้อน่ากังวล เพราะว่าเราขาดข้อมูลโลหะหนัก แม้ว่า ผู้จัดการ กปภ.จะออกมาอธิบายและใช้น้ำประปาล้างหน้าให้ดู แต่เรายังขาดตัวเลขยืนยัน เพราะแค่นั้นไม่พอที่จะพิสูจน์ เนื่องจากไม่เกิดอาการทันที แต่อาจสะสมในร่างกาย เพราะเราดื่มประปาทุกวัน”นายสืบสกุล กล่าว

นายสืบสกุลกล่าวว่า รัฐบาลต้องเป็นไปเจรจาประเทศเพื่อนบ้านและกองกำลังในพื้นที่ที่ทำเหมือง รวมทั้งเจรจากับบริษัทที่ทำเหมือง และไปเจรจากับปลายทางประเทศที่ซื้อแร่ที่ได้จากเหมืองแห่งนี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่าเกิดผลกระทบข้ามแดน

“เรายังไม่เห็นแอคชั่นจากรัฐบาล มีแต่ รมช.มหาดไทย ที่ดูแล กปภ.ไปเจรจากับกงสุลเมียนมาว่าจะร่วมมือกันทำงาน แต่รูปธรรมอย่างไรนั้นไม่รู้ และองค์กรระหว่างประเทศไปเจรจานั้นจะไปเจรจากับใครเมื่อไหร่ ทันการณ์หรือไม่ รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพการเจรจา ผมอยากเสนอ ส.ส.เชียงราย ทุกคนทุกพรรค ไปคุยในรัฐสภา และตั้งกระทู้ถาม เพราะเรื่องนี้ส่งผลสะสมร่างกายให้ประชาชนและเด็กด้วยที่เป็นอันตรายมาก”อาจารย์สำนักวิชานวตกรรมสังคม กล่าว

นางจุฑามาส ราชประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่อาวุโสมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวว่า การที่สารโลหะหนักคอสารหนูปนเปื้อนแม่น้ำกกที่เมืองเชียงรายน้อยกว่าในเชียงใหม่ เพราะที่เชียงรายมีน้ำสาขาแม่น้ำกกมาสมทบ แต่การตรวจต่อเนื่องยังมีความจำเป็นเพราะช่วงนี้ปริมาณน้ำน้อยฝนไม่ตก และจะเห็นว่าคุณภาพน้ำแย่เพราะมีสัตว์น้ำตายที่บริเวณบ้านน้ำลัด ต.ริมกก

“จากการที่ พชภ.ได้ทำงานแม่น้ำกกตั้งแต่น้ำท่วมปีที่แล้ว เราได้เดินทางไปยัง ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ประสานชุมชนหลายครั้ง เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงน้ำกกที่ขุ่นมากในหน้าแล้ง ชาวบ้านบ่นกันมาก เราได้ร่วมกันทำระบบเตือนภัยกับ 7 ชุมชนริมแม่น้ำกก ตั้งแต่ชุมชนแรกที่แม่น้ำกกไหลเข้ามาจากประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นชุมชนที่รับน้ำ สารเคมีและโคลนมาเต็ม ๆ และขณะนี้หน้าแล้งน่าจะเป็นนาทีทองของการผู้ทำเหมืองทอง เราต้องหากระบวนการเข้าไปช่วยเหลือชุมชนเพื่อร่วมป้องกันผลกระทบ ควรมีการเจรจากับผู้ทำเหมืองภายใต้ความเกื้อกูลกัน”นส.จุฑามาศ กล่าว

นายประเสริฐ กายทวน ชาวบ้านร่มไทย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านแรกที่แม่น้ำกกไหลมาจากประเทศพม่ากล่าวว่า ตอนนี้พื้นที่เงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยว ชาวบ้านวิตกเรื่องของสภาพน้ำ และหน่วยงานราชการได้เรียกประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน รวมทั้งท้องถิ่นท้องที่ อย่างไรก็ตามไม่มีบ้านไหนที่ใช้น้ำโดยตรง แต่จะมีปัญหาบ่อบาดาลที่อยู่ใกล้น้ำกกต้องเฝ้าระวังและตรวจสอบ และมี อสม. รพ.สต. ให้ความเข้าใจกับชาวบ้าน

“ชาวบ้านเป็นห่วงเรื่องการจำหน่ายสินค้าเกษตร ที่กังวลเรื่องสารพิษ สูบน้ำกกไปรด จะมีสารติดไปด้วยไหม จะขายได้ไหม กำลังติดตามเรื่องกันอยู่ รวมทั้งปศุสัตว์ ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตลอด แต่ที่ต้องการคือให้มีการเจรจากับประเทศต้นน้ำ ปัญหาการให้ข้อมูลกับบุคคลภายนอกเช่นผู้สื่อข่าว ทำให้บางกลุ่มในพื้นที่ไม่พอใจ ทำให้ชาวบ้านอึดอัด จึงต้องการให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันแก้ปัญหา”นายประเสริฐ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชนในจังหวัดเชียงราย ที่ใช้ชื่อว่า Save Maekok โดยรณรงค์ให้มีการยุติการทำเหมืองทองที่ต้นแม่น้ำกกผ่าน https://www.change.org โดยมีเนื้อหาระบุว่าจากข้อมูลของ มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ที่พบการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเหมืองทองคำในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำกกที่เป็นแม่น้ำสำคัญของคนเชียงรายใช้อุปโภคบริโภคและลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง แต่พบสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย ทั้งสารหนู-ตะกั่วเกินมาตรฐาน ซึ่งมีผลจากการทำเหมืองทองในพื้นที่ต้นน้ำ
“ช่วงเดือนกันยายน 2567 เชียงรายประสบกับมหาอุทกภัยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่สร้างความเสียหายต่อคนที่อาศัยใกล้ริมน้ำกกอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน แถมพบปรากฏการณ์โคลนทับถมทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าโคลนเหล่านี้มาจากการเปิดพื้นที่ในต้นน้ำกก ฝั่งประเทศเมียนมาร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเหมืองในรัฐฉาน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการไหลของโคลนมหาศาลลงสู่แม่น้ำกกและน้ำสาย จนท่วมบ้านเรือนผู้คนท้ายน้ำสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ในฤดูน้ำหลากที่จะมาถึงยังไม่มี ท่าที ของระบบเตือนภัย หรือ การเตรียมความพร้อมจากภาครัฐที่มาถึงระดับชุมชนแต่อย่างใด ผู้คนที่อาศัยริมน้ำโขง ยังคงสิ้นหวัง และอยู่ในภาวะจำยอมเสี่ยงต่อการเกิด สึนามิโคลน อีกครั้ง!!! ดังนั้น จึงขอรณรงค์ให้เกิดการเจรจา เพื่อยุติเหมืองที่ต้นแม่น้ำกก เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้น”

ในวันเดียวกัน นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อพัฒนาแผนและมาตรการในการรับปรุงแก้ไขและลดระดับ ความขุ่นและสารปนเปื้อนแม่น้ำกก อำเภอแม่อาย ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom meeting) ร่วมกับ สภ.แม่อาย, บก.ควบคุม ทพ. ศปก.ทภ.3, นบ.ยส.35, สสอ.แม่อาย, เกษตรอำเภอแม่อาย, ประมงอำเภอแม่อาย, ปศุสัตว์อำเภอแม่อาย, อุทยานแห่งชาติดอนผ้าห่มปก, อบต.ท่าตอน, อบต.แม่นาวาง, สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เขต 1 อำเภอแม่อาย, กำนันตำบลท่าตอน, กำนันตำบลแม่นาวาง, และผู้ใหญ่บ้าน ม.14 ต.ท่าตอน

ทั้งนี้ผลการหารือได้ข้อสรุปว่า 1. ให้สาธารณสุขอำเภอฯ เก็บตัวอย่างน้ำบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำกก เพื่อทำการตรวจสอบหาสารปนเปื้อน 2. ให้สำนักงานเกษตรอำเภอฯ นำผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกก เข้ารับการตรวจหาสารปนเปื้อนในพืชผลทางการเกษตร 3. ให้สำนักงานประมงอำเภอฯ หาสัตว์น้ำที่อยู่ในแม่น้ำกก เพื่อนำไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนในสัตว์น้ำ 4. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับ รพ.สต. และ อสม.ในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนและให้คำแนะประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำให้งดการลงน้ำ การใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค

ที่อาคารรัฐสภา นส.มณีรัตน์ เขมะวงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เชียงราย ได้ขอหารือในที่ประชุมวุฒิสภาเกี่ยวกับการปนเปื้อนของสารหนูและสารตะกั่วในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่โดยระบุว่า ขอให้รัฐบาลประสานความร่วมมือระดับทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนสองประเทศ และออกมาตรการป้องกันร่วมกัน โดยมีมาตรการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันท่วงที รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลและให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายของสารหนู สารตะกั่ว และการป้องกันตนเอง นอกจากนั้นควรเยียวยาประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ทั้งการเข้าถึงน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค และการรักษาสุขภาพของผู้ที่ได้รับผลกระทบ และ เร่งตรวจสอบสารตกค้างและผลกระทบกับสัตว์น้ำและผลผลิตทางการเกษตร

เช่นเดียวกับนายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนฯพร้อมด้วยนายสมดุล อุตเจริญ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวโดยมีเสนอเร่งด่วน1. เร่งประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนที่อยู่สองฝั่งลำน้ำกก ตลอดจนผู้ที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำกกเป็นหลัก 2. ผลักดันการเจรจาระหว่างประเทศโดยเร่งด่วน เพื่อร่วมยุติการปล่อยสารปนเปื้อน หรือบำบัดให้ลดการปนเปื้อนลงในระดับที่ปลอดภัยต่อลำน้ำกก 3. จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนเฉพาะเยียวยาผู้ประกอบอาชีพที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

4.ตรวจสุขภาพประชาชนอย่างครอบคลุม โดยร่วมกับโรงพยาบาล และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ พร้อมให้ความรู้ในการดูแลตนเอง5. เร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวและบริโภค สื่อสารเพื่อฟื้นความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวและผู้บริโภคในพื้นที่

ส่วนการแก้ไขแนวทางระยะยาว ได้แก่1. จัดตั้งคณะ กมธ. ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ผลักดันการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศเพื่อป้องกันปัญหามลพิษข้ามพรมแดนในลักษณะนี้ในอนาคต 2. ผลักดันกฎหมายควบคุมมลพิษข้ามพรมแดน เสนอร่าง พ.ร.บ. ที่สามารถใช้เรียกร้องค่าเสียหายหรือดำเนินคดีต่อกรณีมลพิษจากต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทย 3. ติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำอย่างถาวร ให้สามารถตรวจคุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์ตามจุดสำคัญตลอดแนวแม่น้ำกก 4. สนับสนุนและยกระดับธุรกิจชุมชน อบรมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการแพริมน้ำอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ปัญหานี้ถูกละเลย และจะแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป

On Key

Related Posts

นักวิชาการแนะรัฐไทยเร่งหารือประเทศลุ่มน้ำโขงหลังตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน จ.เลย-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม ภาคประชาชนจี้รัฐแจ้งความจริงให้ชาวบ้านทราบ-หาแนวทางปฎิบัติ-หวั่นหลายเมืองใช้น้ำโขงผลิตน้ำประปาได้รับผลกระทบ