Search

“หอการค้า”เชื่อปัญหาน้ำกกปนเปื้อนสารโลหะหนักส่งผลกระทบเศรษฐกิจเมืองเชียงราย บรรยากาศสงกรานต์ริมน้ำกกเงียบเหงา สทนช.ใช้กลไกเอ็มอาร์ซีเสนอตั้งกรรมการทวิภาคีไทย-พม่าขับเคลื่อน 5 ประเด็น

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 นายพรเทพ อินทะชัย ประธานกิตติมศักดิ์หอค้าจังหวัดเชียงราย และรองเลขาธิการหอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบจากการที่แม่น้ำกกมีสารโลหะหนักปนเปื้อนและมีคำสั่งจากจังหวัดเชียงรายห้ามประชาชนเล่นน้ำหรือสัมผัสน้ำจากแม่น้ำกก ว่าห่วงโซ่อาหารได้รับผลกระทบจากกรณีที่เกิดขึ้นจะมีผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และประชาชนไม่มั่นใจในแหล่งน้ำว่ามีความปลอดภัยอย่างไร รวมถึงด้านปัจจัยการผลิตต่างๆ ทั้งภาคการเกษตร ภาคการผลิตเพื่อการส่งออก เกษตรอินทรีย์ซึ่งต้องการการตรวจว่ามีผลกระทบต่อการผลิตหรือไม่ โดยเฉพาะพืชผัก

นายพรเทพกล่าวว่า สำหรับสินค้าที่ไม่ได้ใช้ในการอุปโภคจะไม่มีปัญหา ยกเว้นสินค้าที่นำมาใช้บริโภค เช่นการประมง โดยวิถีชีวิตของประชาชนในลุ่มน้ำจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น ขณะที่เศรษฐกิจการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวที่เคยเล่นน้ำในแม่น้ำกกหายหมด เพราะสภาพของแม่น้ำก็ไม่เหมาะที่จะลงไปเล่น ซึ่งในอดีตเมื่อถึงหน้าแล้งน้ำกกใสน่าเล่น แต่การทำเหมืองล้างดินและฉีดดินบริเวณแม่น้ำกกตอนบนในประเทศเพื่อนบ้านทำให้มีตะกอนลงมา ตะกอนยังทำให้แม่น้ำกกตื้นขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าหอการค้าจังหวัดเชียงรายได้ประเมินมูลค่าความเสียหายเป็นตัวเลขไว้บ้างหรือยัง นายพรเทพกล่าวว่า อยู่ในระหว่างการรวบรวม แต่เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นจึงยังประเมินไม่ได้ แต่ตลอดลำน้ำกกตั้งแต่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ลงมาเป็นพื้นที่เกษตร ซึ่งสวนส้มและสวนเกษตรจำนวนมาก การมีโลหะหนักในแม่น้ำที่ใช้ในเกษตร คงต้องมีการตรวจผลผลิตมากขึ้นโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ต้องส่งออก

สำหรับข้อเสนอในการแก้ไขปัญหานั้น นายพรเทพกล่าวว่า แม่น้ำกกเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ การที่มีสารโลหะหนักในแม่น้ำส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตประชาชน ดังนั้นรัฐบาลควรต้องรีบเจรจากับประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อทำข้อตกลงร่วมกัน แต่กรณีนี้อยู่ในพื้นที่ที่รัฐบาลเพื่อนบ้านไม่สามารถควบคุมได้ก็ต้องดูว่าในการลงทุนนี้มีคนไทยร่วมด้วยหรือไม่ รัฐต้องเข้าไปดูเพราะเป็นต้นน้ำที่ใช้ผลิตน้ำประปาของเชียงราย และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็จะกังวลว่าน้ำประปามีคุณภาพปลอดภัยหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นแผนรับมืออุทกภัยของจังหวัดเชียงรายแล้วหรือยัง นายพรเทพกล่าวว่า ทราบแค่ว่าจะทำพนังกั้นน้ำและขุดลอกลำน้ำกกซึ่งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แต่วันนี้เกิดการชะล้างหน้าดินและเกิดตะกอนดินที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ รัฐบาลจึงควรแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อชีวิตร้ายแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศเล่นน้ำสงกรานต์ริมแม่น้ำกกทั้งที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ตลอดไปจนถึงเมืองเชียงรายเป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยมีแต่เสียงบ่นของพ่อค้าแม่ค้าที่ลงทุนกันนับแสนบาท แต่กลับไม่มีนักท่องเที่ยวเลย

ขณะเดียวกันได้เกิดฝนตกหนักในจังหวัดเชียงราย ทำให้หลายจุดมีน้ำท่วมขัง เช่น บริเวณห้าแยกพ่อขุน ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่พร้อมรับมือสถานการณ์ช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง และหลายคนได้ตั้งคำถามว่าได้มีการล้างโคลนที่อุดตันตามท่อระบายน้ำจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือนกันยายน 2567 ออกหมดแล้วหรือยัง

ขณะที่เพจสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 รายงานว่า ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีหนังสือไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Committee Secretariat: MRCS) เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการสนับสนุนการดำเนินการติดตามคุณภาพน้ำแม่น้ำกกร่วมกันระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเมียนมา ซึ่งปัจจุบันพบว่าคุณภาพน้ำของแม่น้ำกกเสื่อมโทรมลงจนอาจกลายเป็นปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน

เพจของ สทนช.ระบุว่า เนื่องจากแม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่มีบทบาทต่อการเกษตร ประมง การคมนาคม และวิถีชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ จึงเสนอให้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำร่วมกัน ด้วยการจัดตั้ง “กลไกความร่วมมือทวิภาคี” สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยมี MRCS ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ประกอบด้วยการดำเนินการขับเคลื่อนกิจกรรมสำคัญ ภายใต้กลไกดังกล่าว ได้แก่ 1. การเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์คุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ ณ จุดสำคัญแนวแม่น้ำกก 2. การแบ่งปันข้อมูล ความเชี่ยวชาญ และทรัพยากรทางเทคนิคระหว่างหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของทั้งสองประเทศ 3. การเสริมสร้างขีดความสามารถและการฝึกอบรมร่วมกัน 4. การพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าในกรณีที่เกิดมลพิษหรือภัยคุกคากทางนิเวศวิทยาอื่น ๆ 5. การรายงานต่อสาธารณะและสร้างความโปร่งใส เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนท้องถิ่น

“ในวันเดียวกันทาง MRCS ได้มีหนังสือประสานงานไปยังอธิบดีกรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐแห่งสหกภาพเมียนมาร์ เพื่อเสนอให้มีการจัดตั้งกลไกตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำกกร่วมกันแบบทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเมียนมา โดยมี MRCS เป็นผู้ประสานงานสนับสนุนแนวทางความร่วมมือในการติดตามและจัดการคุณภาพน้ำของแม่น้ำกก นำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนทั้งสองประเทศอย่างเร่งด่วนต่อไป”เพจของ สทนช.ระบุ