
เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำกกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ภายหลังตรวจพบสารหนูปนเปื้อนน้ำในแม่น้ำกกและทางจังหวัดเชียงรายประกาศห้ามใช้น้ำในแม่น้ำกกอุปโภคบริโภค รวมทั้งห้ามสัมผัสน้ำในแม่น้ำกก ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวแล้ว ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้า ตามริมแม่น้ำกกที่เคยค้าขายช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีก่อนหน้าซึ่งมีนักท่องเที่ยวแวะมาเล่นน้ำและอุดหนุนเป็นจำนวนมากสามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ปีนี้บรรยากาศกลับเงียบสงัด ลูกค้าแทบจะหายเกลี้ยง บางร้านไปต่อไม่ไหวต้องรื้อร้านและซุ้มตามริมน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำกกหนองด่าน บ้านป่าอ้อ ม.5 ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ซึ่งมีร้านค้าแพเปียกแม่น้ำกกจำนวนมาก และในทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวที่บริเวณนี้เป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ปีนี้หลังมีข่าวการตรวจพบสารหนูในแม่น้ำกก บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา แทบจะไม่มีลูกค้า
น.ส.สุชานาฏ โพธิ์ทอง อายุ 51 ปี เจ้าของร้าน “ครัวเจ๊พร 131” กล่าวว่า ค้าขายอยู่ที่ใต้สะพานหนองด่านมากว่า 32 ปี ทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตนจะมีรายได้ประมาณวันละ 3-4 หมื่นบาท แต่ปีนี้ ลูกค้าก็หายไปหมดเลย ทั้งที่ก่อนหน้าจะมีการเปิดเผยผลตรวจ ยังมีรายได้วันละประมาณ 3,000 บาท แต่พอมีการประกาศพบสารหนูในแม่น้ำกก ลูกค้าก็แทบจะไม่มาเลย บางวันได้เงินแค่ 400 กว่าบาท
“วันสงกรานต์แต่ลูกค้าก็ยังแทบจะไม่มี วันนี้ได้เงินยังไม่ถึง 2,000 บาทเลย ก็ไม่รู้ว่าจะยื้อไปได้นานแค่ไหน จะปิดร้านไปเลยก็ไม่ได้ เพราะซื้อของเอาไว้แล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลด้วย หากเรายังเปิดร้านอยู่ ก็ยังหวังว่าจะมีลูกค้าแวะมาอุดหนุนบ้าง ขอแค่พอได้ทุนคืนก็ยังดี แต่หากยื้อไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องปิดร้าน และกลับไปทำร้านอาหารในหมู่บ้านตามเดิม”น.ส.สุชานาฎ กล่าว
เจ้าของร้านรายนี้กล่าวอีกว่า พวกตนเคยมานั่งคุยกันในกลุ่มพ่อค้าแม้ว่าจะทำยังไงกันต่อ แต่ก็ไม่มีทางออก เคยพากันไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงรายมาแล้ว แต่เขาก็บอกว่าไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในเรื่องนี้ พวกตนก็ต้องกลับมามือเปล่าอยู่ดี ตอนนี้มีหลายร้านที่ไปต่อไม่ไหวก็เริ่มพากันมารื้อร้านและซุ้มนั่งทานอาหารกันบ้างแล้ว ในส่วนของตนคิดว่าก็คิดว่าคงจะเปิดไปได้อีกไม่นาน
ขณะที่นาง จินดา อิ่นคำ อายุ50 ปี เจ้าของร้านน้องแสตมป์ และนางสาว ปิยะนุช มูลเจริญ อายุ 42 ปี เจ้อของร้านนงนุช กล่าวว่า มีประชาชนน้อยมากที่จะลงเล่นน้ำ ในแม่น้ำกก ซึ่งทางร้านได้เตรียมน้ำสะอาดสำหรับล้างตัวให้กับลูกค้า ตั้งแต่มีการพบว่าแม่น้ำกกมีสารปนเปื้อน แทบไม่มีใครลงเล่นน้ำ ส่วนใหญ่มานั่งกินอาหารและนั่งเล่น ซึ่งตั้งแต่ที่มีข่าวรายได้ลดลงมากบางวันมีแค่ 2-3 ซุ้ม จากเมื่อก่อนเทศกาลสงกรานต์คือเต็มทุกซุ้ม ที่จอดรถแทบจะไม่มี อย่างไรก็ตามถ้ารัฐบาลสามารถเจรจากับผู้ที่อยู่ต้นน้ำได้ ก็อยากให้แก้ไขตั้งแต่ต้นเหตุ
” ยอดขายในตอนนี้ลดลงไปกว่า 80% ผู้ประกอบการบางร้าน ตอนนี้ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกแล้ว เพราะไม่สามารถ ประกอบกิจการต่อได้ ต้องยอมถอดใจเพราะไม่มีลูกค้า” ผู้ประกอบการกล่าว
ด้าน น.ส.กัลยรัตน์ ชัยมูล อายุ 35 ปี นักท่องเที่ยว กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสารปนเปื้อนหรือความสะอาดของน้ำเพราะว่า ตั้งใจจะมา นั่งชมบรรยากาศมากกว่า อีกส่วนหนึ่งมองว่า สารปนเปื้อนอยู่ที่ต้นน้ำกว่าจะมาถึงที่เชียงราย น่าจะมีการเจือจาง จนไม่น่าจะทำให้เกิดอันตรายได้
ด้านนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า เมื่อมีการตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก สิ่งที่เราทำนอกจากแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่าไม่ควรสัมผัส เล่นน้ำ หรืองดกิจกรรมที่เกี่ยวกับแม่น้ำกกโดยตรง ลำดับต่อไปก็คือการตรวจคุณภาพน้ำที่ถูกนำไปใช้อุปโภคบริโภค เช่น การประปา โดยการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) จ.เชียงราย ได้การตรวจคุณภาพน้ำแล้ว และยืนยันว่าน้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตเป็นน้ำประปาได้มาตรฐาน ในขณะเดียวกัน ประปาของทางเทศบาล อบต. หรือประปาหมู่บ้าน ตลอดลำน้ำกก ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจคุณภาพน้ำ และส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 จ.เชียงราย
นายชรินทร์กล่าวว่าในขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ช่วยสนับสนุนการหาสาเหตุของการที่มีสารหนูปนเปื้อนลงมาในแม่น้ำกก ขณะเดียวกันทางประมงจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่ตรวจสัตว์น้ำในแม่น้ำกก ในเบื้องต้นผลการตรวจสัตว์น้ำก็ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ด้านนายอาวีระ ภัคมาตร์ ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (คพ.1) เชียงใหม่ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ คพ.1 จะเข้าไปเก็บตัวอย่างน้ำในลำน้ำกกพื้นที่ต่อเนื่องจากอำเภอเมือง คือ เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง เชียงแสน ในช่วงปลายเดือนเมษายน เนื่องจากขณะนี้กำลังเก็บในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ทั้งแม่อาย และฝาง น้ำกกด้านบนนี้จะเก็บประมาณ 4 จุด และเก็บในพื้นที่เชียงรายอีก 7 จุด โดยความถี่จะเก็บเดือนละครั้งเพื่อน้ำมาวิเคราะห์
“คงไม่สามารถเก็บในทุกสัปดาห์ได้ เนื่องจากมีกำลังเจ้าหน้าที่ และงบประมาณจำกัด เป็นการใช้งบปกติ แต่ทางทีมจะเข้าไปเก็บประจำทุกเดือน และความยากอีกประการหนึ่งคือการลงไปเก็บในแต่ละพื้นที่จะไปที่ท่าน้ำลำบาก เพราะแม่น้ำกกอยู่ในระหว่างการก่อสร้างซ่อมพื้นที่ริมน้ำ ทำให้สภาพฝั่งเปลี่ยนแปลง” ผอ.คพ.1 กล่าว



