Search

ชาวบางกลอยกลุ่มใหญ่ยืนยันเจตนารมณ์กลับดินแดนบรรพชน“ใจแผ่นดิน” หลายภาคส่วนร่วมกันจัดงานรำลึก 11 ปี ‘บิลลี่’ ถูกบังคับสูญหาย-หวังความยุติธรรมปรากฎ “วสันต์ สิทธิเขตต์”แต่งเพลงให้กำลังใจชุมชนถูกกดขี่

ผู้สื่อข่ายรายงานว่า ระหว่างวันที่ 16-17 เมษายน 2568 ที่บ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้มีการจัดกิจกรรม “11 ปี แห่งการรอคอย: 11 กิจกรรมสานสัมพันธ์ เพื่อความยุติธรรมของชาวบิลลี่” โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย เช่น การวาดรูปสะท้อนชีวิตชุมชนชาวกะเหรี่ยง การเยี่ยมบ้าน การทำอาหารท้องถิ่น การแสดงดนตรีเพื่อชุมชน และทัวร์ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ซึ่งมีกลุ่มศิลปินนำโดย วสันต์ สิทธิเขตต์ คีตาญชลี เอ้กุลจิรา นักสิทธิมนุษยชน และตัวแทนเครือข่ายกะเหรี่ยงจากชุมชนต่างๆ เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ช่วงกลางวันวันที่ 17 เมษายน ชาวบ้านและผู้ร่วมงานได้ร่วมกันเขียนป้ายผ้าที่ระบุข้อความว่า “บางกลอยคือผู้คนชาติพันธุ์ก็คือคน” , “11 ปี บิลลี่ยังไม่กลับบ้าน” และ “จิตวิญญาณใจแผ่นดินร่ำร้องเพรียกเสียงให้หวนคืน”จากนั้นนำไปติดที่สะพานแขวนทางเข้าสู่หมู่บ้านบางกลอย และได้มีการเดินเยี่ยมชาวบ้านในชุมชน จากนั้นในช่วงค่ำมีการจัดพิธีรำลึกครบรอบ 11 ปี กรณี ‘บิลลี่’ นายพอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ที่เชื่อว่าถูกบังคับให้สูญหาย รวมถึง ‘ปู่คออี้’ หรือนายคออี้ มีมิ ผู้อาวุโสของชุมชน และ แม่กิ๊ป ต้นน้ำเพชร สตรีผู้ออกมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิเพื่อชุมชน โดยมีการจุดเทียนระลึกเพื่อส่งต่อจิตวิญาณนักต่อสู้ให้แก่ชาวบ้านคนรุ่นใหม่ ให้มีกำลังใจในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย

นอกจากนี้นายวสันต์ สิทธิเขตต์ ศิลปินและนักเคลื่อนไหวทางสังคม ได้แสดงดนตรีและร้องเพลงที่แต่งให้ชาวบ้านบางกลอยจำนวน 3 เพลง รวมทั้งวงคีตาญชลี และเอ้กุลจิรา ได้ร่วมขับกล่อมเพลงแด่ชาวบ้าน โดยมีการนำแสดงเพลง ‘กลอยใจ’ ที่แต่งโดย แก้วใส วงสามัญชน และ ‘เพลงใจแผ่นดิน’ ที่แต่งโดย จ๋าย วงไทยทศมิตร

นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ ‘มึนอ’ ภรรยาของ ‘บิลลี่’ กล่าวว่า วันนี้เป็นเวลาที่เราระลึกถึงการหายตัวไปของบิลลี่ที่นานถึง 11 ปี เราจะระลึกถึงบิลลี่ทุกปี

ขณะที่ลูกสาวของบิลลี่ได้กล่าวว่า 11 ปีที่ผ่านมารำลึกถึงพ่อมาตลอด พ่อจะอยู่ในใจเสมอ

น.ส.จันทร ต้นน้ำเพชร ลูกสาวของแม่กิ๊ป กล่าวว่า ปีกว่าแล้วที่แม่จากไปอย่างเงียบเหงา การต่อสู้ของชาวบ้านบางกลอยยังไม่ไปไหน แม่กิ๊ปอยากกลับบ้านบางกลอยบน พวกเราจะต่อสู้อย่างเต็มที่ สัญญาว่าสักวันหนึ่งจะพาแม่กลับสู่บ้านบางกลอยบน

นายพงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร ชาวบ้านบางกลอยกลุ่มบางกลอยคืนถิ่น กล่าวว่า อดีตพี่บิลลี่ต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชน พยายามนำชาวบ้านไปร่วมต่อสู้ หลังจากพี่บิลลี่หายตัวไป พี่กิ๊ปชวนชาวบ้านให้ออกไปสื่อสารกับสังคมว่า เกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านบางกลอย ตนเองที่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยจึงได้ทำงานกับเครือข่ายกะเหรี่ยง และเครือข่ายชาวบ้านอื่น ๆ

“เมื่อพี่บิลลี่ยอมสละชีวิตเพื่อชุมชน ปู่คออี้ที่เสียชีวิตไปแล้ว อยากกลับไปบ้านบางกลอยบนหรือใจแผ่นดินแต่ยังไม่สำเร็จ ผมในนามตัวแทนบางกลอยคืนถิ่น ยืนยันว่าจะพาทุกคนกลับบ้านบางกลอยบนให้ได้”นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

 หลังจากนั้นมีการเสวนาถึงกรณีการหายตัวไปของบิลลี่และการต่อสู้ของชาวบ้านบางกลอย โดย น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกิยรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า ในคืนนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว บิลลี่อยู่ที่บ้านบางกลอย รุ่งเช้าบิลลี่กำลังแพ็คน้ำผึ้ง เพราะว่ามีผู้ใหญ่สั่งน้ำผึ้งจำนวน 8 ขวดให้เอาลงไปขายข้างล่าง บิลลี่บอกกับญาติว่าได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เอาน้ำผึ้งลงไปข้างล่างแล้ว จึงถือโอกาสเอาน้ำผึ้งมากกว่า 8 ขวดลงไปขาย เพื่อนำรายได้ให้ลูกหลานได้ใช้ เพราะว่าเป็นคนอยู่กับป่า เรามีสิทธิใช้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของเราในปริมาณพอเหมาะพอควรโดยได้รับอนุญาต แต่เกิดการจับกุมบิลลี่

“เราไม่รู้ว่าบิลลี่ถูกปฏิบัติอย่างไรตั้งแต่ 11 ปีก่อนที่ด่านมะเร็วจนกระทั่งถึงวันนี้ ความเข้าใจของคนทั่วไปเห็นว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่บางส่วน ที่น่าจะรุนแรง ซึ่งทุกคนที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก ใช้เวลานานมากกว่า 11 ปี ก็ยังไม่รู้ว่าบิลลี่อยู่ที่ไหน ยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำต่อบิลลี่ขึ้นศาล จนสามารถจับเข้าคุกได้เลย ใช้เวลากว่า 6 ปี ที่ดีเอสไอกว่าจะเจอกระดูกบิลลี่ในน้ำบริเวณสะพานแขวนใกล้สำนักงานอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ใช้เวลาอีก 3 ปี กว่าที่จะออกหมายจับเจ้าหน้าที่อุทยาน 4 คน ที่เป็นผู้ควบคุมตัวบิลลี่ไป ใช้เวลา 9 ปี ตำรวจ อัยการ ดีเอสไอ และศาล รู้เพียงว่าบิลลี่ถูกจับโดยเจ้าหน้าที่ ข้อสรุปของศาลใช้เวลา 9 ปี แต่เหมือนกับไม่ได้ทำอะไรเลย” น.ส.พรเพ็ญ กล่าว

น.ส.พรเพ็ญ กล่าวอีกว่า 11 ปี แม้ไม่มีคำตอบเรื่องการหายตัวไปของบิลลี่ แต่ทุกคนจะไม่ยอม เราต้องร่วมกันเรียกร้องความเป็นธรรมให้บิลลี่ต่อไป ตอนนี้คดียังอยู่กับศาลชั้นอุทธรณ์ หวังว่าศาลจะดูรายละเอียดคดีและให้ความเป็นธรรม พวกเราต้องรอคำพิพากษาอีก 1 ปี ความยุติธรรมอาจยังไม่เกิด แต่ทุกคนรู้ว่าบิลลี่อยู่บนสวรรค์

“ข้อสรุปตอนนี้เรารู้อยู่ในใจว่าบิลลี่อยู่บนสวรรค์ แต่ทางกฏหมายยังไม่เชื่อว่าบิลลี่ตายแล้ว ยังไม่เชื่อว่าบิลลี่อาจจะอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ คนที่กระทำความผิดร้ายแรงยังลอยนวลอยู่ในสังคม เรายังเห็นคน ๆ นั้นในทีวี ยังมีลูกน้องอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง พวกเราทุกคนยังไม่ได้คืนความยุติธรรมเรื่องที่ดินป่าไม้ และสิทธิการอยู่ในพื้นที่บ้านเราอย่างปลอดภัย” น.ส.พรเพ็ฐ กล่าว

ด้านนายวสันต์ สิทธิเขตต์ ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับกรณีของชาวบ้านบางกลอยที่ถูกบังคับอพยพมาจากใจแผ่นดิน ชาวบ้านเคยมีไร่หมุนเวียนปลูกข้าวได้ แต่มาอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันที่ไม่มีพื้นที่ทำไร่ จึงปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง การไปผาบ้านและยุ้งฉางชาวบ้านในปี 2539 จนมาถึงกรณีบิลลี่ถูกอุ้มหาย มีข้อมูลว่าบิลลี่ไปเห็นเจ้าหน้าที่ตัดไม้ในป่า จนถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ 4 คนที่ควบคุมตัวบิลลี่ไว้ ข้อเท็จจริงเหล่านี้เริ่มถูกกลบหายไป พวกเราในฐานะศิลปินก็อยากให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษยด้วยกัน ไม่อยากเห็นใครถูกกระทำ จึงได้ชักชวนเพื่อศิลปินขึ้นมาเรียนรู้ปัญหา บางคนรู้สึกตื่นเต้นไม่คิดว่าจะมีชุมชนที่ถูกกระทำอย่างนี้ในประเทศไทย

“ข้อเท็จจริงจำเป็นมากกับศิลปิน เพราะข้อมูลในสังคมออนไลน์ ทำให้การต่อสู้ด้วยการสื่อสารในปัจจุบันรุนแรงมาก หน้าที่ของศิลปินต้องเข้าไปเรียนรู้ปัญหาในพื้นที่แล้วนำเสียงของชาวบ้านออกมาสะท้อนกับสังคม เพื่อให้คนในเมืองเข้าใจ และควรเรียนรู้เรื่องบางกลอยว่าเพราะอะไรชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจึงถูกกดขี่และถูกข่มเหงอย่างไม่รู้จบ และอาจไม่รู้ว่าชาวบ้านเดือดร้อนหรือมีความทุกข์มากแค่ไหน จำเป็นต้องเปิดใจเรียนรู้และมีความเห็นอกเห็นใจหรือช่วยเหลือแบ่งปันเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหา ผมหวังว่าศิลปินจะสามารถสื่อสารเพื่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้ในสังคมไทย เพราะทุกคนอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ถ้าสังคมไม่สงบสุขย่อมสะเทือนถึงทุกคนอย่างแน่นอน” นายวสันต์ กล่าว

On Key

Related Posts

เชื่อกองกำลังปะหล่องยอมคืนเมืองที่ยึดได้ทางเหนือรัฐฉาน หลังถูกจีนกดดันอย่างหนัก ขณะที่กระแสต่อต้านจีนเพิ่มขึ้น แฉรัฐบาลแดนมังกรทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองในพม่า

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ในรายการ This week’s IRead More →

เผยทหารว้าขยายพื้นที่ทำเหมืองทองเพิ่มขึ้น-ไม่สนใจความเดือดร้อนของคนลุ่มน้ำกก-สาย แม้รู้ข่าวสารปนเปื้อนลงน้ำแล้ว ชาวพม่า-ไทใหญ่เดือดร้อนกันถ้วนหน้า นักวิชาการ มฟล.เสนอ 3 สถาบันการศึกษาร่วมจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำเชียงราย

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งอาศRead More →

ประชุมแม่น้ำข้ามแดนนัดแรก จังหวัดเชียงรายดันสร้างฝายดักตะกอนแก้ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ตั้งคณะทำงาน 4 ชุด นักวิจัยติงคิดให้รอบคอบ หวั่นไม่มีที่ทิ้งสารพิษ-มีบทเรียนจากลำห้วยคลิตี้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องธรรมลังกา ศาลากลRead More →