Search

ผู้เชี่ยวชาญหวั่นผลกระทบสารหนูในน้ำกก-น้ำสายกระจายตัววงกว้าง-รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่รีบแก้ที่ต้นทาง ชี้เป็นสารพิษสะสมก่อเกิดมะเร็ง จี้ ทส.ตั้ง กก.เฝ้าระวัง-ตรวจผลอย่างน้อยทุกเดือน เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารทำหนังสือประสานพม่าร่วมแก้ไข

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ และผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาการปนเปื้อนของน้ำในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จ.เชียงใหม่ และจ.เชียงราย ว่าหากไม่รีบแก้ไขจะส่งผลกระทบในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการทำเหมืองแร่ และกระบวนการสกัดแร่ในเหมืองทอง โดยปัญหาสารหนูจะเป็นปัญหาใหญ่ในระยะยาวเพราะไม่สลายแต่จะสะสมเรื่อยๆ และ อาจมีสารตัวอื่น เช่นแคดเมียม สินแร่ กลุ่มเพื่อนแร่ จะมีองค์ประกอบอย่างไร สารเคมีที่ใช้ในกระบวนการแต่งแร่ ลอยแร่ เราไม่รู้ว่าเขาใช้อะไรในการสกัดแร่ ไม่ว่าจะเป็นไซยาไนด์ หรือปรอทต่างอันตรายมาก การแก้ปัญหาต้องทำที่ต้นทาง ซึ่งอยู่ในเขตพม่าและเป็นนักลงทุนจีน ซึ่งอาจเข้าลักษณะทำเหมืองผิดกฎหมาย ไม่มีมาตรฐานในการจัดการการแพร่กระจายของสารพิษและโลหะหนัก 

“หากไม่รีบแก้ที่ต้นทาง มลพิษจะกระจายและทะลักเข้าไทยตลอดเวลา การตรวจเจอสารหนูเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งรับรู้กันเท่านั้น แต่การทำเหมืองในพม่าที่ใกล้เขตไทย จริงๆ เพิ่งทำได้ไม่นาน ปกติการทำเหมืองทองใช้เวลาเป็นสิบปี แปลว่าความเสี่ยงจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่มีการทำเหมือง จำเป็นต้องมีคณะกรรมการตั้งขึ้นมาเพื่อเจรจาปัญหาระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยลำพังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ รัฐบาลพม่าเองก็มีปัญหาในประเทศ การตรวจสอบไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงเป็นช่องให้ทุนจีนผิดกฎหมายเข้าไปทำและสร้างปัญหา นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก” เพ็ญโฉม กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนอยู่กับแม่น้ำที่ปนเปื้อน ควรทำอย่างไร เพ็ญโฉม กล่าวว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาล และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต้องมีนโยบายฉุกเฉินโดยให้หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม เฝ้าระวัง ตรวจสารเคมี และต้องดำเนินการต่อเนื่องอย่างน้อยทุกเดือน ต้องรายงานผลเผยแพร่ให้ ชาวบ้านรับทราบ เพื่อให้ป้องกันตนเองได้ การตรวจเหล่านี้ชาวบ้านทำเองไม่ได้ ขอให้ ทส. มีนโยบายเฉพาะกิจ ต้องเฝ้าระวังและตรวจวัดทุกเดือนเป็นขั้นต่ำ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการน้ำดิบที่มีสารหนูเกินมาตรฐานไปทำน้ำประปา ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า กระบวนการเตรียมน้ำดิบใบการผลิตประปาอาจมีการบำบัดโลหะหนักบางอย่างออกไปได้ แต่ต้องแสดงผลให้ชาวบ้านรับรู้ว่าน้ำที่ตรวจพบผลเป็นอย่างไร มีมาตรฐานให้ประชาชนวางใจได้หรือไม่ ตอนนี้อาจอยู่ในช่วงที่เชื่อถือได้ แต่การรายงานผลแก่สาธารณะอย่างต่อเนื่องจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ อย่างไรก็ตามชาวบ้านสามารถเอาตัวอย่างน้ำประปาให้หน่วยงานอิสระตรวจสอบได้  เช่น มหาวิยาลัยเชียงใหม่ เพื่อความสบายใจ 

“โลหะหนักนั้นโดยธรรมชาติเมื่อเกิดขึ้นและกระจายในสิ่งแวดล้อม การตรวจน้ำจะเจอระดับหนึ่ง แต่ที่จะเจอมากคือตะกอนแม่น้ำ โลหะหนักสะสมในตะกอนดิน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีกว่า สารหนูเป็นสารที่ก่อมะเร็งในมนุษย์ การที่เกินค่ามาตรฐานหากสัมผัสต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค เช่น มะเร็งผิวหนัง จึงต้องเฝ้าระวังคุณภาพน้ำต่อเนื่องโดยเฉพาะน้ำประปา สำหรับน้ำใช้โดยตรงจากแม่น้ำหากหลีกเลี่ยงได้จะดีว่าเพราะสารหนูสะสมได้ในพืช รัฐบาลไทยต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการเร่งด่วนอย่างไร เพราะสิ่งนี้จะส่งผลกระทบระยะยาว จะสร้างความเสียหายรุนแรง หากไม่แก้ปัญหาในวันนี้” ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าชาวนาสามารถใช้น้ำจากแม่น้ำกกทำนาได้หรือไม่ เพ็ญโฉมกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องนำตะกอนดินในนามาตรวจก่อน และต้องเฝ้าระวัง รวมทั้งนำข้าวที่ทำจากนาที่ใช้น้ำแม่น้ำกกมาตรวจ ว่าต้นข้าว และเมล็ดข้าว มีสารหนูสะสมหรือไม่ ซึ่งทำได้โดยกรมวิชาการเกษตร  

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมืองเชียงรายอยู่ห่างจากแหล่งทำเหมืองทองหลายสิบกิโลเมตร แต่ยังตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐานในแม่น้ำกก ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณนิเวศกล่าวว่า สารหนูน่าจะเป็นผลพลอยได้จากการสกัดทอง เป็นกลุ่มเพื่อนแร่ หากปนเปื้อนมาในระยะทางร่วมร้อยกิโลเมตร เข้าใจได้ว่าต้นทางไม่มีบ่อกักเก็บตะกอนและไม่กรองสินแร่ ทำให้สารหนูกระจายสู่ดินและลำน้ำ โดยกระจายออกมาเรื่อยๆ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าดินโคลนที่พัดมากับกระแสน้ำเมื่อครั้งอุทกภัยใหญ่ในเดือนกันยายน 2567 จะมีความเสี่ยงปนเปื้อนสารโลหะหนักหรือไม่ รวมทั้งหากมีดินโคลนจากต้นน้ำกกและน้ำสายไหลมากับอุทกภัยอีก เพ็ญโฉมกล่าวว่า  ว่ามีโอกาสปนเปื้อนและมีความเสี่ยงสูงที่ชาวบ้านจะสัมผัสกับสารอันตรายที่มากับดินโคลน อย่างไรก็ตามต้องนำดินโคลนมาตรวจ 

“ชาวบ้านทำหนังสือถึงรัฐบาล หรือ ทส. ให้ตั้งคณะกรรมการเฝ้าระวัง ตามผลทุกอย่างในทันที เพราะเป็นเรื่องสำคัญ กระทบวงกว้าง เสียหายต่อคนจำนวนมาก”ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าว 

ในวันเดียวกันเพจของสำนักงานสิ่งแวดล้อมเเละควบคุมมลพิษที่ 1(สคพ.1)เชียงใหม่ รายงานว่าเจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก โดยนายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 มอบหมายให้ นางสาวปิยนุช ทรวงคำ ผู้อำนวยการส่วนการจัดการคุณภาพน้ำ อากาศและเสียง พร้อมด้วยนางสาวจีราพร ชูเกียรติวนา นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการแก้ไขสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ในวันที่ 20 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เป็นประธานการประชุม ร่วมกับ พ.ญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย

เพจดังกล่าวรายงานด้วยว่า สคพ.1 นำเสนอผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำผิวดินแม่น้ำกกในพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่พบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งแผนการตรวจคุณภาพภาพน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำกกและลำน้ำสาขาในช่วงเดือนต่อไป ทั้งนี้ เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร จะได้มีหนังสือไปยังเมียนมาเพื่อประสานขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจากแหล่งกำเนิดมลพิษที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุให้มีการปนเปื้อนในแหล่งน้ำกกต่อไป

On Key

Related Posts

เชื่อกองกำลังปะหล่องยอมคืนเมืองที่ยึดได้ทางเหนือรัฐฉาน หลังถูกจีนกดดันอย่างหนัก ขณะที่กระแสต่อต้านจีนเพิ่มขึ้น แฉรัฐบาลแดนมังกรทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองในพม่า

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ในรายการ This week’s IRead More →

เผยทหารว้าขยายพื้นที่ทำเหมืองทองเพิ่มขึ้น-ไม่สนใจความเดือดร้อนของคนลุ่มน้ำกก-สาย แม้รู้ข่าวสารปนเปื้อนลงน้ำแล้ว ชาวพม่า-ไทใหญ่เดือดร้อนกันถ้วนหน้า นักวิชาการ มฟล.เสนอ 3 สถาบันการศึกษาร่วมจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำเชียงราย

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งอาศRead More →

ประชุมแม่น้ำข้ามแดนนัดแรก จังหวัดเชียงรายดันสร้างฝายดักตะกอนแก้ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ตั้งคณะทำงาน 4 ชุด นักวิจัยติงคิดให้รอบคอบ หวั่นไม่มีที่ทิ้งสารพิษ-มีบทเรียนจากลำห้วยคลิตี้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องธรรมลังกา ศาลากลRead More →