เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงราย ให้สัมภาษณ์ถึงการปนเปื้อนสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานของน้ำในแม่น้ำกกซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของชาวเชียงรายว่า ในความรับผิดชอบของ อบจ.ได้เชิญ รพ.สต.(โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) 211 แห่งทั่วจังหวัดเชียงราย เพื่อให้มารับเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพน้ำสำหรับ รพ.สต.ที่อยู่ริมแม่น้ำซึ่งไม่ใช่เฉพาะแม่น้ำกกเท่านั้น แต่ลำน้ำอื่นๆด้วย เพื่อตรวจเช็คคุณภาพน้ำในเบื้องต้นและนำผลตรวจส่งกลับมาภายใจ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะส่งให้นักวิชาการช่วยตรวจสอบอีกครั้ง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะรวบรวมได้ทั้งหมด
นายก อบจ.เชียงรายกล่าวว่า สำหรับเรื่องการนำน้ำดิบจากแม่น้ำกกขึ้นมาใช้นั้น ในส่วนของการทำน้ำประปาท้องถิ่นซึ่งจากการตรวจวัด พบว่ายังได้มาตรฐานความปลอดภัย เหลือเพียงเรื่องของน้ำดิบที่ต้องสำรวจและทำข้อมูลให้ชัดเจน คาดว่าในเร็วๆ นี้ต้องสรุปให้ได้เพื่อประกาศความชัดเจนระดับความปลอดภัยให้กับกลุ่มเกษตรการผู้ใช้น้ำ มิเช่นนั้นจะเกิดความกังวล
“ที่ผ่านมา อบจ.รับเรื่องขยะที่เป็นอันตรายจากเทศบาลต่างๆมาไว้ หลังจากที่ขยะอื่นๆถูกกำจัดไปแล้ว แต่ขณะนี้ส่วนนี้ยังกำจัดไม่ได้ เรารับมาปีละ 2 ครั้ง และมีหน่วยงานมารับไปกำจัดต่อ ปรากฏว่าเมื่อตรวจเช็คข้อมูลขยะเหล่านี้ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง พบว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ของสารเคมีและยาฆ่าแมลงอยู่ 40% ดังนั้นจึงอาจจะทำเรื่องนี้ควบคู่กันไปด้วย เพื่อแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน”นายากอบจ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้นเหตุของปัญหาคือการทำเหมืองทองในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า ทาง อบจ.จะช่วยผลักดันให้แก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง นางอทิตาธร กล่าวว่าผู้ว่าราชการจังหวัดได้รายงานเรื่องนี้ให้ส่วนกลางเรียบร้อยแล้วเพราะเป็นปัญหาของความมั่นคงระดับประเทศ แต่สิ่งสำคัญถ้าระดับประเทศยังแก้ไขไม่ได้ ในระดับจังหวัดก็ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้สารเคมี ซึ่ง อบจ.ได้เชิญนักวิชาการมาร่วมหารือ ซึ่งพบว่าแม่น้ำกก ระยะทางจาก ต.ท่าตอน จ.เชียงใหม่ มายังเชียงรายแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกแม้ค่าเกินมาตรฐาน แต่เมื่อน้ำกกไหลลงมาถึงเชียงรายพบว่าค่าโลหะหนักเจือจางไปเยอะมาก บางทีก็อาจจะเกิดจากสารพิษที่เราใช้ด้วยก็ได้
“ค่ามาตรฐานน้ำที่มาถึงเชียงราย คิดว่ายังพอที่จะใช้น้ำได้ แต่ก็ไม่ควรทิ้งเรื่องนี้เอาไว้ เราจะไม่หยุดตรวจสอบ หากยังมีค่าปนเปื้อนที่ไม่สูงนัก เราน่าจะทำให้ลดลงได้หรือไม่ เราควรทำวิกฤตให้เป็นโอกาส เราจึงรอผลการตรวจทั้งหมดก่อน ทางนักวิชาการเขาขอเวลาตรวจสอบ 2 สัปดาห์” นายก อบจ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงแผนรับมือสถานการณ์อุทกภัยที่จะมาถึงซึ่งชาวบ้านรู้สึกกังวลมากเพราะมีการเปิดพื้นที่ต้นน้ำเพิ่มขึ้น นายก อบจ.กล่าวว่า ได้นัดนักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงไว้ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ เพื่อนำแผนการรับมือมาบูรณาการร่วมกัน ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.)
“เท่าที่ทราบ ทาง สสน.เขามีแผนไว้หมดแล้ว อบจ.ก็จะหยิบเอาเรื่องนี้มาทำแน่นอน เพราะเราเองก็รู้สึกเป็นห่วง เราพยายามเร่งทำให้ทันฤดูฝน”นางอทิตาธร กล่าว
ขณะที่นายภาคภูมิ ผลพิสิษฐ์ ประธานหอการค้าเชียงราย กล่าวว่าการปนเปื้อนในแม่น้ำกกส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจเชียงรายอาจยังไม่มากนัก แต่กระทบต่อความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของประชาชนเชียงราย เนื่องจากมีการปนเปื้อนอยู่ในระดับไม่ปลอดภัย คนเชียงรายต้องหลีกเลี่ยงการใช้น้ำแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเชียงราย
“ทางออกของปัญหานี้ ต้องดูต้นตอเพื่อแก้ให้ถูกจุด ซึ่งข้อมูลคือสารพิษมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นหน้าที่หลักของภาครัฐที่จะต้องประสานและทำความเข้าใจกับเพื่อนบ้านว่าเราได้รับผลกระทบโดยตรง จังหวัดเชียงรายและคนเชียงราย ไม่สามารถแก้ปัญหาได้โดยตรง ต้องแก้กับประเทศเพื่อนบ้าน”นายภาคภูมิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงระบบเตือนภัยเพราะหลายคนเป็นห่วงว่าในปีนี้อาจเกิดอุทกภัยรุนแรงเหมือนปีที่แล้ว ประธานหอการค้าเชียงรายกล่าวว่า น่ากังวลมากเพราะปีที่แล้วคนเชียงรายโดนหนักมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตอนนี้ทุกคนต่างกังวลใจ เพราะหากเกิดอีกปัญหาอาจรุนแรงกว่าเดิม“ปีที่แล้วอุทกภัยได้ทิ้งปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ได้จนเวลานี้ เช่น ตะกอนดิน ปัญหาการปนเปื้อนของน้ำกกก็เชื่อมโยงกัน ภาครัฐควรเป็นตัวหลักในการแก้ปัญหา ผมเห็นว่าจังหวัดมีข้อจำกัดทั้งบประมาณและทรัพยากร ต้องมีการสนับสนุนจากส่วนกลาง จังหวัดทำเองทั้งหมดไม่ได้ ทั้งการเตรียมการไม่ให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำอีก”นายภาคภูมิ กล่าว
“ปีที่แล้วอุทกภัยได้ทิ้งปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ได้จนเวลานี้ เช่น ตะกอนดิน ปัญหาการปนเปื้อนของน้ำกกก็เชื่อมโยงกัน ภาครัฐควรเป็นตัวหลักในการแก้ปัญหา ผมเห็นว่าจังหวัดมีข้อจำกัดทั้งบประมาณและทรัพยากร ต้องมีการสนับสนุนจากส่วนกลาง จังหวัดทำเองทั้งหมดไม่ได้ ทั้งการเตรียมการไม่ให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำอีก”นายภาคภูมิ กล่าว
