เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฏร นำโดยนายรังสิมันส์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้จัดประชุมรับฟังข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาผลกระทบกรณีสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมชี้แจง
ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยในการแก้ปัญหาระยะสั้นอาจมีการทำฝายดักตะกอนที่ อ.แม่อาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แม่น้ำกกไหลเข้าประเทศไทย เพื่อดักสารหนูและหาวิธีดูดออกไปบำบัดที่อื่น โดยคาดว่าอาจใช้งบประมาณจัดสร้างประมาณ 2-5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ระบุว่าการทำฝายดักตะกอนมีเรื่องน่ากังวลว่าตะกอนที่ปนเปื้อนจะนำไปทิ้งที่ไหน และมีความเสี่ยงว่าเมื่อถึงฤดูฝนซึ่งมีน้ำมาก อาจทำให้ตะกอนกระจาย
ในที่ประชุมยังได้พูดถึงการตรวจคุณภาพน้ำและตะกอนดิน รวมถึงการตรวจพืชผลทางการเกษตรและสัตว์น้ำ ซึ่งหน่วยงานต้องจัดหางบประมาณเอง กมธ.จึงเสนอให้ทางจังหวัดรวบรวมอุปสรรคต่างๆมาที่ กมธ. โดยนายชรินทร์ระบุว่า ก่อนเสนองบประมาณ 2569 ยังไม่เกิดสถานการณ์ปัญหา และตอนนี้งบประมาณอยู่ในขั้นตอนของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว จึงอย่างให้สภาพัฒนฯเปิดโอกาสแก้ไข อย่างไรผู้แทน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)ระบุว่าสามารถกำหนดไว้ในแผนของ สทนช.ได้
นายรังสิมันส์ ชัดเจนว่าสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย ไม่ได้เกิดขึ้นจากกิจกรรมในประเทศไทย และมีแนวโน้มจะขยายวงกว้าง ทาง กมธ. จึงจะแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาและแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดน ติดตามข้อมูลสำคัญจากส่วนกลาง เพื่อให้การดำเนินการในพื้นที่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ เสนอให้ยกระดับการเจรจาระหว่างประเทศ และสร้างความร่วมมือกับเมียนมา จีน สิงคโปร์ และเสริมความร่วมมืออาเซียน
ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า ข้อเสนอที่ให้มีการทำฝายดักตะกอน มี 3 แบบ คือแบบแรกเฉพาะหน้ามาก ๆ แบบที่สอง แบบชั่วคราว และแบบถาวร ซึ่งยังไม่ไปฟันธงว่าจะเป็นแบบไหน คิดว่าในรายละเอียดผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจก็ต้องเสนอแนวคิดในเรื่องนี้
“ในสถานการณ์ตอนนี้ปัญหาแม่น้ำกกที่มีสารเคมีไหลเข้ามา มันจะอยู่กับเรายาวแค่ไหน ยังไม่สามารถที่จะบอกว่าฟันธงได้ ต้นเหตุเราไปจัดการแก้ปัญหาตรงนี้ได้หรือไม่ เรื่องนี้ประเมินยากที่จะพูดแบบนั้น ความท้าทายเฉพาะหน้า เมื่อฤดูฝนเข้ามาคิดว่ามีความผันแปรในเรื่องผลกระทบที่สารเคมีจะไหลเข้ามา ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องนี้ ทำให้เราต้องไปพิจารณาในการสร้างฝาย ช่วงฤดูฝนจะส่งผลกระทบต่อความยากง่ายหรือไม่ และยังมีปัจจัยหลายอย่างที่เราต้องพิจารณา แต่คิดว่าทั้งหมดนี้สามารถทำไปพร้อม ๆ กันได้”นายรังสิมันต์ กล่าว
ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯกล่าวว่า การแก้ปัญหาต้องรวมถึงแม่น้ำสาย และเฝ้าระวังแม่น้ำโขงด้วย อันนี้คือสิ่งที่เราต้องพิจารณา ในเรื่องของการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของงบประมาณ กมธ.ไม่มีอำนาจอนุมัติ แต่เราพร้อมจะสนับสนุนทางกลไกรัฐสภา
“ตัวผมเองต้องโฟกัสในเรื่องของนโยบายว่าจะมีการแก้ไขปัญหาต้นทาง หลักฐานต่าง ๆ ค่อนข้างชัดแล้วว่า เหมืองต้นน้ำกก น้ำสาย มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจริง และมีหลักฐานข้อมูลแล้วว่ามันไม่ได้เกิดจากกิจกรรมภายในประเทศ ดังนั้นก็ต้องหาวิธีการในการรับมือต่อไป หนึ่งในแนวทางที่จะทำได้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และซับซ้อนไม่เฉพาะเรื่องสารเคมีปนเปื้อน เพราะเกี่ยวว้านั้น มีหลายประเด็น ทั้งเรื่องยาเสพติด การล้ำเขตแดน ถึงเวลาต้องมีการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มหาดไทย กลาโหม กระทรวงต่างประเทศ”นายรังสิมันต์ กล่าว
ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯกล่าวว่า ไม่ว่าหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งรับไปดำเนินการคงไม่สำเร็จ ดังนั้นการบูรณาการของหน่วยงานในรัฐบาลจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่าง แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ใช้กลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ในการแก้ปัญหา โดย สมช. เป็นเหมือนฝ่ายธุรการซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ทำงานร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย หากเอารูปแบบนี้มาปรับใช้กับกรณีสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสายได้ก็จะเป็นประโยชน์
—————-