
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 พะโด่ซอตอนี โฆษกสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวชายขอบ” เกี่ยวกับแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งสภาบริหารแห่งรัฐ (State Administrative Council-SAC)พม่าร่วมกับทางการรัสเซีย ซึ่งจะสร้างที่พะโค หรือชายฝั่งทวาย (ตรงข้าม จ.กาญจนบุรี) ว่า เรารู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่ชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่เท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่รวมถึงคนไทยด้วย ที่ พล.อ.มินอ่องหลาย ไปพบกับผู้นำรัสเซีย และออกแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นแผนที่อันตรายมาก หากจะพิจารณาเรื่องแผนพัฒนาพลังงานในพม่า เรามีแหล่งพลังงาน แหล่งก๊าซธรรมชาติมากมาย แต่กลับเลือกที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตนยากบอกว่านี่คือการทำให้สถานการณ์อันตรายเพราะอาจเชื่อมไปยังแผนการพัฒนาอาวุธนิเวคลียร์ของพม่า ที่วางไว้ ณ เนปีดอว์
“เราอยากให้สังคมไทยทราบว่าสถานการณ์นี้ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง” โฆษก KNU กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าเหตุใดพม่าจึงเลือกพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ทวาย พะโด่ซอตอนีกล่าวว่า จริงๆ ประเทศพม่ามีแหล่งก๊าซธรรมชาติ มีแหล่งพลังงานมากมาย แต่กลับเอาตรงนี้เพื่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ด้วยเหตุผลว่าโรงไฟฟ้าประเภทนี้ต้องใช้น้ำหล่อเย็นและต้องติดแหล่งน้ำหรือติดทะเล เรื่องแผนนิวเคลียร์ของพม่าไม่ใช่แค่เพิ่งเริ่ม พม่าได้วางแผนตั้งแต่สร้างกรุงเนปีดอว์แล้ว ตอนนั้นทำกับเกาหลีเหนือ แต่ยังไม่สำเร็จ ตอนนี้มาร่วมกับรัสเซีย เป็นความฝันของพม่ากว่า 20 ปีแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้จริงแค่ไหน โฆษก KNU กล่าวว่าข้อมูลที่มีคือ เป็นไปได้ว่าจะสร้างที่พะโค หรือทวาย โดยก่อนหน้านี้ได้มีข้อตกลงกับรัสเซียเรื่องโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกแล้วที่ทวายโดยให้รัสเซียมาลงทุน
“อยากให้ประเทศไทย คนไทย รู้ว่านี่เป็นแผนที่อันตรายมาก เขาพยายามทำลายประชาชน ทั้งชาวพม่า ชาวกะเหรี่ยง เราต่างต้องเผชิญการโจมตีอย่างสาหัส เขาไม่สนใจมนุษย์ นี่จะสร้างนิวเคลียร์อีก คนไทยเสี่ยงมาก อยากบอกคนไทยให้จับตาแผนนี้ให้ดี”พะโด่ซอตอนี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการสู้รบในเขตกองพล 4 ของ KNU ในช่วงนี้รุนแรงเพราะเหตุนี้ด้วยหรือไม่ พะโด่ซอตอนีกล่าวว่า พม่าต้องการเอาพื้นที่นี้ให้ได้ แต่ฝ่ายปฏิวัติก็สู้เต็มที่ ทั้งฐานทีคีและทีท่า
“เราสู้เต็มที่เหมือนกัน เราไม่สามารถสู้แบบปกติ เขาเอาอาวุธเหนือชั้นมาเรื่อยๆ และตอนนี้ก็จะไปถึงนิวเคลียร์ เพื่อยึดอำนาจของเขาไว้เท่านั้น”โฆษก KNU กล่าว
พะโด่ซอตอนีกล่าวว่า พม่าต้องการยึดทุกพื้นที่ สร้างปัญหา และอาจกระทบต่อประเทศไทย เราอยากให้คนไทยรู้ว่าต้องร่วมกันติดตามข้อมูลร่วมกันในวันนี้และต่อๆ ไปในอนาคต
“สถานการณ์ที่รุนแรงตลอดแนวชายแดนไทย มีทั้งเครื่องบินรบมาทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่มินอ่องหลายประกาศว่าหยุดยิงหลังวิกฤติแผ่นดินไหว แต่ไม่ใช่เลย เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น บอกว่าหยุดยิงแต่ไม่ใช่เลย โจมตีประชาชน ส่งระเบิดมาฆ่าประชาชนของตนเอง”โฆษก KNU กล่าว
พะโด่ซอตอนีกล่าวว่า สถานการณ์ในรัฐกะเหรี่ยง รุนแรงมากขึ้น เราก็ต้องตอบโต้ มีอะไรเราก็ต้องสู้ อีกปัญหาคือ สมรภูมิการสู้รบเกิดขึ้นหลายพื้นที่มาก ขณะนี้ประชาชนของเราลำบากมาก ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (internally displaced persons-IDPs) ไม่สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือ อยากให้คำนึงถึงการส่งความช่วยทางเหลือมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน อยากให้เพื่อนบ้านเห็นใจสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดนี้ของเรา”
ทั้งนี้เมื่อวันที่9 พฤษภาคมที่ผ่านมา KNU กองพล 4 ได้ออกแถลงการณ์ 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.KNUเชื่อว่าจำเป็นต้องยึดฐานทัพทิคินโมะริด/ทวายกลับคืนมา เพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชนทั้งในฝั่งเมียนมาและไทย 2.เราจำเป็นต้องปฎิบัติการกับ SAC เพื่อปลดปล่อยประชาชนให้สามารถกำหนดชะตากรรมตนเองได้
3.เรามีความกังวลอย่างยิ่งต่อความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนของเราและประชาชนไทย เนื่องจาก รัฐบาลเมียนมาจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาด 110 เมกะวัตต์ โดยใช้เทคโนโลยีรัสเซีย โดยมีการเสนอพื้นที่ก่อสร้าง 2 แห่ง คือตอนกลางของเขตพะโค และเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ติดกับพรมแดนประเทศไทย
4.เราประสงค์แจ้งให้สาธารณชนทราบว่า เรากำลังพิจารณาอย่างจริงจังถึงผลกระทบและผลลัพธ์ที่อาจเกืดขึ้นจากความตึงเครียดทางทหารระหว่างเรากับSAC แต่พยายามดำเนินการลดผลกระทบต่อประชาชนไทย 5.เราเคยดำเนินชีวิตประสานสอดคล้องกับประชาชนไทยทั้งอดีตอดีตและปัจจุบัน เราสัญญาว่าจะดำรงชีวิตด้วยความเคารพและรักใคร่ในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีกับประชาชนไทย
ส่วนสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดนตรงข้ามกับ จ.ตาก ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยรายงานข่าวจากทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ระบุว่า กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง(Karen National Liberation Army–KNLA) ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือ KNU ได้ใช้อาวุธปืนซุ่มยิง (สไนเปอร์) และใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ทิ้งระเบิดเป็นระยะ ๆ โจมตีฐานทหารพม่า พัน.ร.24 ฐานบ้านตานเหล่ อ.แลงปอย จ.ผาอัน รัฐกะเหรี่ยง ด้านตรงข้าม บ้านแม่ต้าน ม.1 ต.แม่ต้าน อ.ท่าสองยาง ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 7 กม. อย่างต่อเนื่องโดยสามารถทำลายหลุมที่ตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 81 มม. ของทหารเมียนมา ได้อย่างแม่นยำขณะที่ทหารเมียนมา ใช้เครื่องบินรบ YAK 130 สนับสนุนการโจมตีทางอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันฐานที่ตั้ง ขณะที่ฉก.ราชมนู และ ฉก.ทพ.35 กกล.นเรศวร ,ตชด. 344 ได้จัดกำลังเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวน และเฝ้าตรวจ ตามแนวชายแดน ,นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน ตลอด 24 ชั่งโมง
ขณะที่ทหารเมียนมา ใช้เครื่องบินรบ YAK 130 สนับสนุนการโจมตีทางอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันฐานที่ตั้ง ขณะที่ฉก.ราชมนู และ ฉก.ทพ.35 กกล.นเรศวร ,ตชด. 344 ได้จัดกำลังเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวน และเฝ้าตรวจ ตามแนวชายแดน ,นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน ตลอด 24 ชั่งโมง