
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ดร.ศิตางศุ์ พิลัยหล้า อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสายปนเปื้อนสารโลหะหนักจากการทำเหมืองต้นแม่น้ำในรัฐฉาน ว่าการทำงานแก้ปัญหาการปนเปื้อนน่าจะยึดแนวทางเดียวกับกรณีเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัคราฯ จ.พิจิตร โดยในตอนนั้นการแก้ปัญหามีการแต่งตั้งคณะกรรมการ 5 ฝ่าย ทั้งนักวิชาการ ผู้แทนบริษัท ฝ่ายความมั่นคง และผู้สังเกตการณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการตรวจสอบด้านต่างๆ ตั้งแต่การเก็บตัวอย่างน้ำ ดิน พืช สัตว์น้ำ และคน โดยตั้งจุดตรวจกำหนดรัศมีชัดเจนว่าเก็บในพื้นที่กี่กิโลเมตรจากเหมือง โดยมีข้อตกลงว่าให้เปิดเผยผลตรวจจากคณะกรรมการเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเมื่อพบการปนเปื้อนจากเหมือง
“ จากประสบการณ์พบว่าการเก็บตัวอย่างต่างๆนั้น เราจะเก็บให้เจอก็ได้ไม่เจอก็ได้ การปนเปื้อนสารโลหะหนักแม่น้ำกก ตอนนี้ชาวบ้านเขาไม่มั่นใจในราชการ จึงอยากให้ฝ่ายต่างๆไปร่วมตรวจ ขณะนี้พบว่าผลตรวจต่างๆ เป็นเฉพาะหน้า แต่การสะสมสารปนเปื้อนเหล่านี้ต้องตรวจจากคน สัตว์ ซึ่งต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าลงไปเก็บข้อมูลแล้วบอกว่าไม่ปนเปื้อน”ดร.ศิตางศุ์ กล่าว
อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรฯกล่าวว่า เหมืองแร่ที่ปล่อยสารโลหะหนักอยู่ในประเทศพม่าพม่า ก็ต้องประสานเก็บตัวอย่างบริเวณนั้นหรือที่ใกล้ที่สุด โดยฝ่ายทหารต้องประสานดูแล และต้องเก็บตัวอย่างจากลำน้ำสาขา ตะกอนดินเพราะบางทีตรวจไม่เจอ รัฐต้องตั้งคณะทำงานในการแถลงให้ข้อมูล เมื่อคนลงไปเก็บตัวอย่างเยอะขึ้นก็ไม่รู้ใครเป็นใคร
“น้ำกินน้ำใช้ต้องเปลี่ยนแหล่ง น้ำประปาสำคัญที่สุดและแก้ได้ง่ายที่สุด มีวิธีการผลิตให้ได้คุณภาพ และหาแหล่งน้ำอื่น แต่ตอนนี้เชียงรายยังใช้แหล่งน้ำดิบจากน้ำกก”ดร.ศิตางศุ์ กล่าว
วันเดียวกันที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน เป็นประธานการประชุม โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) เชียงราย และคณะข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายประเสริฐ แถลงภายหลังการประชุมว่าที่ประชุมเห็นชอบ 3 มาตรการ ได้แก่ การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน มาตรการเชิงรุก และมาตรการเฝ้าระวัง โดยมาตรการแรก ขณะนี้คณะอนุกรรมการฯ ตั้งทีมเจรจาแล้วโดยตนเองเป็นประธาน รอเพียงกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ประสานกำหนดวันเจรจาเท่านั้น ก่อนหน้านี้มีการประสานงานการเจรจากันไปแล้วหลายระดับ เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีการนัดหมายในช่วงกลางเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ซึ่งเป็นการเจรจาฝ่ายปฏิบัติการ เป็นกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่นด้านความมั่นคง กรอบความร่วมมือของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สิ่งสำคัญคือควรต้องเร่งรัดการเจรจา ก่อนหน้านี้ได้ประสานงาน รมว.กต.ให้ประสานงานไปยังเมียนมา ซึ่งได้ตอบรับว่ายินดีให้ความร่วมมือ และวันนี้ได้แต่งตั้งคณะทำงานประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ให้กต.กำหนดวัน
“เราได้ข้อมูลเป็นที่ชัดเจนแล้ว ต้องไปเจรจากับฝ่ายเมียนมาว่าเขาจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา วิธีการต่างๆ ที่จะทำงานร่วมกันในอนาคต เช่น การทำเหมืองแร่ที่ถูกต้อง และการสร้างสุขภาพให้ประชาชนในเขตไทยและเขตเมียนมา”นายประเสริฐ กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่าสำหรับมาตรการเชิงรุก จะให้มีการศึกษาการดักตะกอนในแม่น้ำ โดยในระยะสั้นอาจดักเป็นหลุมดักตะกอน ในระยะยาวจะมีการก่อนสร้างฝายดักตะกอน หรือทำเป็นแก้มลิง ขณะนี้กรมทรัพยากรน้ำได้เร่งดำเนินการ ในเรื่องการออกแบบการสร้างฝายดักตะกอนน้ำอยู่ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานนัก ด้านการผลิตน้ำประปาในอนาคตจะมีการจัดหาแหล่งน้ำดิบเพื่อการทดแทนการใช้น้ำดิบจากแม่น้ำกก เช่นแม่น้ำลาว มาตรการเฝ้าระวัง ได้สั่งให้มีการตรวจคุณภาพน้ำดิบ น้ำประปา ตะกอนดิน สัตว์น้ำ สัตว์หน้าดิน รวมถึงระดับสารพิษในร่างกายประชาชนอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากการทดสอบคุณภาพน้ำ ทางกรมอนามัยได้มีการทำ Rapid Test ชุดทดสอบเพิ่มเติมขึ้นมา ที่จะได้ผลภายใน 20 นาที และกรมควบคุมมลพิษก็เอาผลการวิเคราะห์แลบมาตรฐานทำคู่ขนาดกันไป
“หน่วยงานที่เชียงราย และเชียงใหม่ ไม่มีแล็บเรื่องพวกนี้ จำเป็นต้องส่งข้อมูลคุณภาพน้ำไปยังส่วนกลาง และส่งกลับมาเพื่อทราบค่าอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มีการทำ Rapid Test เพื่อการสร้างความเชื่อมั่นคุณภาพน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย” รองนายกฯ กล่าว และว่าด้านผลผลิตทางการเกษตร ได้มีการสั่งการให้มีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน มีการติดตั้ง CCTV เฝ้าระวังคุณภาพน้ำและคอยแจ้งเตือนกรณีที่มีน้ำขุ่นกว่ามาตรฐาน ขอให้งดกิจกรรมทางน้ำที่สัมผัสน้ำโดยตรง
“จะเมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ในพื้นที่เสี่ยงอุกภัย ลุ่มน้ำโขงเหนือ จ.เชียงราย โดย น.ส.ธีรรัตน์เป็นประธานศูนย์ฯ เพื่อประสานงานระหว่างจังหวัดกับส่วนกลาง ให้ปฏิบัติงานอย่างทันท่วงที”รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้นแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย มีทั้งเหมืองทอง และแร่แรร์เอิร์ธด้วยใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ได้เปรียบเทียบจากภาพถ่ายดาวเทียม Gistda ที่เก็บรวบรวมไว้ในระยะที่ผ่านมาช่วงก่อนกับหลังผลต่างกัน ที่ทำได้มั่นใจสาเหตุเกิดจากตรงนี้ ส่วนเกี่ยวกับบริษัทหรือกลุ่มทุนยังไม่มีข้อมูล
ผู้สื่อข่าวถามว่าพื้นที่การขุดเหมืองเป็นพื้นที่อิทธิพลของว้า (United Wa State Army-UWSA) สามารถเจรจาได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็มีการเจรจาหลายระดับ ยังไม่พบอุปสรรค แต่ส่วนตัวคิดว่า ถ้ามีการแจ้งไปทางการเมียนมาน่าจะไม่ขัดข้อง ที่ผ่านมาก็มีความยินดีเจรจาอยู่แล้ว
“ผมยังเชื่อมั่นในการเจรจาที่จะยุติและแก้ที่ต้นตอของปัญหา ส่วนในกรอบความร่วมมือมีกรอบความร่วมมือแม่น้ำล้านช้างแม่น้ำโขง (Lancang-Mekong Cooperation-LMC) ข้อตกลงแม่น้ำโขง (Mekong River Commission-MRC) กรอบความร่วมมือฝ่ายความมั่นคงกิจการชายแดน และกรอบอื่นๆ จะดำเนินการเจรจาทั้งนโยบาลและฝ่ายปฎิบัติการ”นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าววภายหลังทราบผลการประชุมที่มีนายประเสริฐ เป็นประธาน ว่าขอตั้งข้อสังเกตดังนี้ 1. รัฐบาลต้องเปิดเผยแผนการตรวจน้ำ ตะกอนดิน ห่วงโซ่อาหาร และสุขภาพ เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะแก้ปัญหาต้นเหตุได้สำเร็จ ที่สำคัญคือภาครัฐต้องเร่งการตรวจสอบให้รู้ผลเร็วขึ้นมากกว่าเดิม และต้องเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบให้ประชาชนเข้าถึงอย่างโปร่งใส
ดร.สืบสกุลกล่าวว่า 2. รัฐบาลยังคงทำงานบนวัฒนธรรมราชการ ที่เน้นการแต่งตั้งคณะทำงาน ทั้งนี้มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล 4 ข้อ คือ 1.รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลเหมืองแร่ที่รัฐบาลรู้ทั้งหมดให้ประชาชนรับทราบ เพราะยิ่งรัฐบาลไม่เปิดเผยประชาชนยิ่งเคลือบแคลงสงสัยในความจริงใจของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
“ยิ่งในตอนนี้ประชาชนตั้งคำถามว่ามีทั้งเหมืองแร่ทองคำและเหมืองแร่แรร์เอิร์ธอยู่ในเขตประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลยิ่งต้องสื่อสารประชาชนอย่างตรงไปตรงมาเรื่องสารโลหะหนักจากการทำเหมืองแร่คือต้นเหตุสำคัญของสารพิษในแม่น้ำกก สาย รวก และโขง รัฐบาลต้องแถลงจำนวนเหมืองแร่ ประเภทเหมืองแร่ เจ้าของเหมืองแร่ ห่วงโซ่อุปทานแร่ เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีข้อมูลที่ครบถ้วนและมากพอสำหรับเจรจากับผุ้ก่อมลพิษข้ามพรมแดน”ดร.สืบสกุล กล่าว
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า 2. มีหลายฝ่ายข้อสังเกตว่ามีการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในต้นน้ำกก แต่รัฐบาลยังขาดขีดความสามารถในการตรวจสอบสารกัมมันตภาพรังสีจริงหรือไม่ หากจริงรัฐบาลจะดำเนินการต่ออย่างไร 3. รัฐบาลต้องเร่งจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบสารโลหะหนักขึ้นในจังหวัดเชียงราย เพื่อให้การตรวจสอบน้ำ ตะกอนดิน ผลผลิตการเกษตร สุขภาพ ห่วงโซ่อาหาร เพื่อให้ได้ข้อมูลรวดเร็วและเป็นปัจจุบันมากที่สุด 4. รัฐบาลต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในแนวทางปิดเหมืองถาวร เนื่องจากมันคือหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยังยืน“หากเลือกหนทางปรับปรุงเหมืองและตั้งรับสารพิษ รัฐบาลจะไม่มีหลักประกันอันใดให้กับประชาชนได้ เพราะรัฐบาลรู้ดีว่าการปรับปรุงเหมืองเป็นข้อเสนอที่ทำให้ผู้ก่อมลพิษข้ามพรมแดนไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เพียงแค่ปรับปรุงเหมืองเท่านั้น หากมีสารโลหะหนักปนเปื้อนก็เป็นเรื่องของประเทศผู้รับ”ดร.สืบสกุล กล่าว
“หากเลือกหนทางปรับปรุงเหมืองและตั้งรับสารพิษ รัฐบาลจะไม่มีหลักประกันอันใดให้กับประชาชนได้ เพราะรัฐบาลรู้ดีว่าการปรับปรุงเหมืองเป็นข้อเสนอที่ทำให้ผู้ก่อมลพิษข้ามพรมแดนไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เพียงแค่ปรับปรุงเหมืองเท่านั้น หากมีสารโลหะหนักปนเปื้อนก็เป็นเรื่องของประเทศผู้รับ”ดร.สืบสกุล กล่าว