Search

ฟื้นฝอยหาตะเข็บ “แม่สาย”

ชาวแม่สาย จ.เชียงราย ในวันนี้ก็คงจะมึนตรึมในข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวโยงกับคุณภาพชีวิตของตัวเอง โดยเฉพาะมลพิษข้ามแดน เพราะไม่รู้ว่าเรื่องไหนเชื่อได้-เรื่องไหนเชื่อไม่ได้

ในช่วง 4-5 ที่ผ่านมาสภาพแวดล้อมของแม่สายเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้ายสุดๆ

น้ำท่วมแทบทุกปี โดยฤดูฝนปีที่แล้วท่วม 7-8 ครั้ง แถมยังมาพร้อมกับดินโคลนมหาศาล

เมื่อปี 2565 วันดีคืนดีก็มีกลิ่นฉุนลึกลับลอยมาจนชาวบ้านแทบนอนไม่หลับเพราะมันมาในเวลาค่ำคืน ท้ายสุดเมื่อสืบสาวราวเรื่องจึงพบว่าเป็นกลิ่นของไฮโดรเจนไซยาไนด์จากโรงงานแห่งหนึ่งฝั่งท่าขี้เหล็ก
( อ่านข่าว https://transbordernews.in.th/home/?p=32645
https://transbordernews.in.th/home/?p=32774 )

ก่อนหน้านั้น เมื่อปี 2564 มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ได้ให้ข้อมูลต่อสาธารณชนว่า ทหารว้าได้จับมือกับทหารพม่าตั้งนิคมอุตสาหกรรมท่าขี้เหล็ก และยังได้มีการทำเหมืองแร่แมงกานีสพร้อมโรงแต่งแร่ บริเวณต้นแม่น้ำรวกซึ่งไหลมารวมกับแม่น้ำสายก่อนลงน้ำโขง โดยลำเลียงแร่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งการทำเหมืองได้ส่งผลต่อน้ำดิบที่ใช้ทำน้ำประปาแม่สาย เพราะก่อนหน้านี้ได้เคยมีการตรวจพบว่าน้ำรวกมีสารแมงกานีสมากผิดปกติ อย่างไรก็ตามเรื่องราวได้เงียบหายไปตามกาลเวลา ( https://transbordernews.in.th/home/?p=28594 )

คุณภาพชีวิตของคนแม่สายตั้งอยู่บนความคลุมเครือมาโดยตลอด ส่วนหนึ่งเพราะเป็นพื้นที่ชายแดนที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนซ่อนเงื่อน

แม่น้ำสายมีสีขุ่นข้นต่อเนื่องมาหลายปี แต่เมื่อต้นปี 2567 ดูรุนแรงมากเพราะน้ำมีสีขุ่นข้นจนน่ากลัว-ขุ่นคลักเป็นสีขาว แม้กระทั่งผ่านกระบวนการผลิตเป็นน้ำประปาแล้ว แต่ก็ยังคงขุ่นจนชาวบ้านร้องเรียนและไม่กล้าใช้น้ำ ขณะที่ สสจ.เชียงรายแนะนำไม่ให้ชาวบ้านใช้น้ำในแม่น้ำสาย แต่ยังสามารถใช้น้ำประปาได้ ( https://transbordernews.in.th/home/?p=37119
https://transbordernews.in.th/home/?p=38438 )

หน่วยงานราชการไม่เคยให้คำอธิบายที่ชัดเจนรอบด้านและครบถ้วนกระบวนความกับชาวแม่สาย แม้มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับสายน้ำมากมาย

เดือนมีนาคม 2567 มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ได้รายงานการขยายพื้นที่ทำเหมืองทองบริเวณต้นแม่น้ำสายของกองกำลังว้า ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แม่น้ำสายขุ่นข้น ( https://transbordernews.in.th/home/?p=37458 )

จริงๆแล้วคนของทางการไทยโดยเฉพาะทหารรู้สาเหตุของมลพิษข้ามแดนที่เกิดจากการทำเหมืองบริเวณต้นแม่น้ำสายมาตั้งแต่ก่อนปี 2567 ด้วยซ้ำ เพียงแต่การใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) นั้นไม่เวิร์ค ทำให้ปัญหามลพิษข้ามแดนถูกสะสมเรื่อยมา

จนกระทั่งเดือนกันยายน 2567 เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมโคลนทะลัก สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับชาวแม่สายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่คนทั่วประเทศต่างมาช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย แต่คำถามหนึ่งที่ยังไม่มีคำตอบคือโคลนเหล่านี้มาจากไหน แม้ชาวบ้านเชื่อว่ามาจากเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ แต่คนของทางการกลับไม่เคยหาคำตอบที่ชัดเจนและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และจริงๆแล้วเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่ TBC จะจัดการได้

เหมืองแร่ต้นแม่น้ำสายได้รับความสนใจจริงจัง เมื่อมีการตรวจสอบพบสารสารหนูเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกกเมื่อต้นเดือนเมษายน 2568 ซึ่งทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือพื้นที่ต้นแม่น้ำเต็มไปด้วยเหมืองแร่ เพียงแต่บริเวณต้นน้ำสายนั้น ถูกเจาะกันจนพรุนแล้วถึงย้ายไปทำเหมืองกันต่อที่ต้นน้ำกกโดยกลุ่มคนจีนกลุ่มเดียวกันในความดูแลของทหารว้าเช่นเดียวกัน

สารโลหะหนักในแม่น้ำสายเพิ่งตรวจพบจริงๆจังๆจากทางการว่าเกินมาตรฐานเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นอานิสงส์จากการตรวจแม่น้ำกก ( https://transbordernews.in.th/home/?p=42609 )โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ (สคพ.)ที่ 1 เชียงใหม่ รายงานว่าพบทั้งสารหนูและสารตะกั่วสูงลิ่ว

ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาการเปิดเผยข้อมูลต่างๆของทางการให้ชาวแม่สายนั้น เป็นไปอย่างคลุมเครือ และไม่มีการสืบค้นอย่างจริงจัง ผลก็คือชาวบ้านไม่รู้ว่าจะจัดการกับตัวเองอย่างไร เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นมาจึงไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร

ถ้าดูบริบทต่างๆของลุ่มน้ำสายแล้ว น่ากังวลยิ่งกว่าลุ่มน้ำกกเสียอีก เนื่องจากแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำที่เล็กและสั้นกว่า มีการทำเหมืองแร่บริเวณต้นน้ำมาแล้วอย่างน้อย 3-4 ปี แถมบางจุดยังทำเหมืองแร่อยู่กลางน้ำสายด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่ากากแร่หรือหางแร่ถูกทิ้งลงน้ำมากแค่ไหน

สีขุ่นข้นจนกลายเป็นขาวนวลของน้ำสายเมื่อต้นปี 2567 คงยังติดตาชาวแม่สายเป็นอย่างดี เพียงแต่น่าแปลกใจว่าตอนนั้น ทำไมทางการจึงตรวจไม่พบสารโลหะหนักใดๆในแม่น้ำสายเกินค่ามาตรฐาน เพียงแต่ สสจ.เชียงราย ห้ามใช้น้ำ แต่ในวันนี้พบว่าทั้งสารหนูและสารตะกั่วสูงลิ่วกว่าแม่น้ำกกเสียอีก

ในวันที่นักวิชาการกลุ่มหนึ่งนำเครื่องมือตรวจวัดเบื้องต้นมาตรวจสอบแม่น้ำสาย และมีชาวบ้านริมแม่น้ำนำน้ำจากบ่อขุดน้ำตื้นมาให้ตรวจ และพบว่ามีสารหนูเกินมาตรฐาน จึงเป็นเรื่องที่ชาวบ้านให้ความสนใจและรู้สึกว่ามีคำตอบ

ทุกวันนี้คุณภาพชีวิตของชาวแม่สายอยู่ตรงไหน จะกินจะอยู่อย่างไรจึงจะปลอดภัย พืชผักมากมายที่เป็นแปลงเกษตรและใช้น้ำจากระบบชลประทานจะต้องทำอย่างไร ทั้งหมดเป็นเรื่องที่หน่วยงานราชการควรให้คำอธิบายกับชาวบ้านได้แล้ว

ที่สำคัญคือแม่น้ำสายที่กลายเป็นลำรางสารพิษไหลลงแม่น้ำโขง หน่วยงานราชการเคยสำรวจหรือยัง ว่ามีการทำเหมืองแร่อยู่กี่แห่ง เหมืองอะไรบ้าง และวิธีการของเหมืองเถื่อนเหล่านี้เป็นอย่างไร

การทุ่มเทงบประมาณให้หน่วยงานของทหารมาขุดลอกลำน้ำแม้เป็นการแก้ปัญหารูปแบบหนึ่ง แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการปล่อยสารพิษและโคลนทะลักได้

หากยังไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการหยุดเหมืองแร่ที่ต้นน้ำ

On Key

Related Posts