Search

เสียงสะท้อนจากชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ริมน้ำกก-เผยสารพัดผลกระทบสารพิษปนเปื้อน ผู้แทนอาข่าแนะรัฐบาลคุยกับ 4 เจ้าพ่อนักธุรกิจคุมพื้นที่ต้นน้ำ-ผู้แทนลาหู่แนะทำพิธีสาปแช่งผู้ทำลายสายน้ำ

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ที่ศาลาริมน้ำกก บ้านรวมมิตร ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีเวทีวัฒนเสวนา “อารยชาติพันธุ์ลุ่มน้ำกกในกระแสสารปนเปื้อน” โดยผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาเชียงราย นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ  ผศ.ดร.สุวิชาญ พัฒนาไพรวัลย์ อาจารย์สถาบันศิลปวัฒนธรรมและอารยธรรมลุ่มโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ทั้งนี้หมู่บ้านรวมมิตรประกอบด้วยชาวบ้านหลายกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ กระเหรี่ยง อาข่า ลาหู่ ม้ง ไทใหญ่ โดยเมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมและโคลนทะลัก หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับความเสียหาย และเมื่อมีการตรวจพบสารโลหะหนัก สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนัก

นายกำพล เฉลิมเลี่ยมทอง ผู้ใหญ่บ้านรวมมิตร กล่าวว่าเมื่อก่อนเราอยู่ในธรรมชาติริมแม่น้ำกกอย่างมีความสุข แต่เมื่อปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำหลากท่วมกว่า 200 หลังคาเรือน และนับตั้งแต่น้ำท่วมเป็นต้นมา น้ำกกขุ่นตลอด จนได้ยินข่าวว่ามีสารปนเปื้อนซึ่งเกิดจากการทำเหมืองของประเทศเพื่อนบ้าน

“เมื่อก่อนยังไม่รู้ว่ามีสารปนเปื้อน มีลูกบ้านหลายคนลงไปอาบน้ำแล้วเป็นผื่น จนเราต้องประกาศเตือน ตอนนี้ไม่มีชาวบ้านอาบน้ำหรือหาปลาในแม่น้ำกกแล้ว แม้กระทั่งช้างก็ยังไม่กล้าลงน้ำ ทุกวันนี้เราต้องใช้ประปาภูเขา ซึ่งก็คงไม่เพียงพอ แต่เราพยายามใช้อย่างประหยัด”นายกำพล กล่าว

นางเตือนใจ ดีเทศน์ กล่าวว่า แม่น้ำกกเป็นแหล่งอารยธรรมของล้านนาและเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเชียงรายและส่วนหนึ่งของเชียงใหม่ โดยมีภูมิปัญญาหลากหลาย แต่เมื่อแม่น้ำกกเกิดปัญหาตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 2567 และมีโคลนพัดพามาด้วย ซึ่งตอนนี้เหมืองว้า ที่ต้นน้ำกก ในรัฐฉาน เสมือนเป็นอภิสิทธิชน ทั้งๆที่เหมืองควรมีมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ทำรายงานอีไอเอ และการกำจัดของเสียก่อนปล่อยลงธรรมชาติ ฯลฯ แต่กลับไม่มีเลย

“ราชการบอกไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ให้ตระหนัก เราต้องรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันตัว สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือติดตามตรวจสอบทุกอย่างว่าปนเปื้อนโลหะหนักอย่างไรบ้าง ตรวจเลือดของประชาชน ปลา น้ำ ตะกอนดิน พืช โดยผลตรวจต้องออกมาอย่างเที่ยงตรง เพื่อให้ประชาชนรู้ความจริง ข้อเรียกร้องของชาวบ้านคือปิดเหมือง ซึ่งพบว่ามีกว่า 40 จุด เพราะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ เช่น การทำฝายดักตะกอน วันที่ 5 มิถุนายน เราจะไปแสดงพลังให้มีการแก้ไขปัญหา” นางเตือนใจ กล่าว

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ “ครูตี๋” กล่าวว่า สารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำจะอยู่กับพวกเราไปอีกนาน และน่าเป็นห่วงอนาคตของลูกหลาน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะสมัยก่อนเมื่อเกิดศึกสงครามหรือโรคภัยแล้วก็หายไป แต่สารพิษในแม่น้ำครั้งนี้จะอยู่ต่อเนื่องอีกไม่รู้นานเท่าไร เป็นความหายนะเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นต้องทำอย่างไรให้คนลุ่มน้ำกก น้ำสาย น้ำรวกและน้ำโขง ตื่นขึ้นมาแสดงออกให้ผู้มีอำนาจและรับผิดชอบเห็นว่าจะแก้ไขปัญหาชักช้าหรือทำให้ปัญหาทำดูเล็กไม่ได้

“ตอนนี้ข้อมูลข่าวสารยังไม่ตรงกัน ล่าสุดกรมควบคุมมลพิษบอกว่าจาก 15 จุดที่ตรวจมีค่าสารโลหะหนักเกินมาตรฐาน 11 จุด แต่รัฐบาลกลับบอกว่าสถานการณ์กำลังดีขึ้น เมื่อวานหน่วยงานรัฐบอกว่าปลายังกินได้ มาตรฐานของน้ำยังไม่เกิน ขณะที่สารพิษยังคงลงแม่น้ำทุกวัน ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นมั้ย ตอนนี้ปลาขายไม่ได้แล้ว ใครจะกล้ากิน” นายนิวัฒน์ กล่าว

ครูตี๋กล่าวว่า บางครั้งผู้มีอำนาจก็กลัวที่จะถูกตำหนิติเตียน จึงทำให้ปัญหาดูเบาลง แต่เรื่องข้อมูลเป็นเรื่องใหญ่และต้องมีความชัดเจน ประชาชนต้องได้รับรู้อย่างถี่ที่สุดเพราะเป็นชีวิตของทุกคน ทำอย่างไรให้รัฐบาลมีความชัดเจนแก้ปัญหานั้นคือต้องหยุดเหมืองก่อน แล้วจึงเร่งจัดการกับปัญหาที่มีอยู่ ดังนั้นเราคงรอให้รัฐบาลคิดและทำเองไม่ได้ จึงต้องลุกขึ้นมาบอกว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งรีบ

นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต กล่าวว่าได้ไปเก็บตัวอย่างปลาที่ห้วยน้ำลาง ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งไหลลงแม่น้ำกก ทำให้ทราบว่ามีชุมชนอาศัยอยู่รอบเหมือง 11 ชาติพันธุ์โดยมีการละเมิดสิทธิชุมชนถึงขั้นทำร้ายชีวิต และบริเวณนั้นเป็นระบบนิเวศที่สำคัญ ขณะที่ความขุ่นข้นของแม่น้ำกกเกินมาตรฐานสูงสุด ทำให้ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ 11 กลุ่มได้รับผลกระทบ ดังนั้นเสียงคนไทยนอกจากปกป้องพวกเราแล้ว ยังช่วยปกป้องชาวบ้านนอกเขตรัฐของไทยแต่เป็นคนลุ่มน้ำเดียวกันด้วย

ทั้งนี้ในช่วงท้ายยังได้มีการจัดเวทีให้ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆได้พูดถึงความผูกพันธ์กับสายน้ำและปัญหาที่เกิดขึ้นในแม่น้ำกก โดยตัวแทนชาวลาหู่กล่าวว่า ชาวลาหู่มีความผูกพันกับน้ำ โดยปลาเป็นอาหารที่สำคัญและมีพิธีกรรมต่างๆเกี่ยวกับแม่น้ำ ดังนั้นเมื่อแม่น้ำกกได้รับผลกระทบ คนลาหู่ต้องทำพิธีสาปแช่งคนที่ทำลายแม่น้ำเพื่อปกป้องแหล่งอาหารของชาวบ้าน หากแม่น้ำปนเปื้อนก็ไม่สามารถใช้น้ำทำพิธีขอพรได้

ขณะที่ตัวแทนชาวอาข่ากล่าวว่า ปัญหาแม่น้ำกกและแม่น้ำสายปนเปื้อนสารพิษ ในบริเวณที่ทำเหมืองนั้นทหารพม่าไม่มีอำนาจเลย ต่อให้เราให้รัฐบาลไปเจรจากับพม่า แต่พื้นที่เหล่านี้มีเจ้าพ่อ 4 คน เราจำเป็นต้องจัดเวทีภายในโดยเชิญ 4 คนนี้ มานั่งจับเข่าคุย เราต้องเชิญนักธุรกิจเหล่านี้ไม่ใช่รัฐบาลพม่า

ผู้แทนม้งกล่าวว่า ความเชื่อดั้งเดิมของชาวม้งเชื่อเรื่องของพญานาค หากทำน้ำไม่สะอาดและสร้างความไม่ดีจะทำให้พญานาคไม่พอใจ คนม้งจึงอยู่ห่างจากแม่น้ำ โดยแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำที่มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศไทย และปลาน้ำกกเป็นปลาที่อร่อยที่สุดเพราะอยู่ในน้ำสะอาด แต่เมื่อมีสารปนเปื้อนทำให้น่าเสียดายมาก

ผู้แทนชาวไทใหญ่กล่าวว่า รู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำกก วิถีชีวิตของชาวไทใหญ่นั้น ทุกเดือนตุลาคมมีพิธีขอขมาแม่น้ำกก ที่ท่าตอน และมีการเลี้ยงผีน้ำเพราะไทใหญ่เชื่อว่าแม่น้ำให้อะไรกับเรามากมาย พอช่วงกลางพรรษาก็จะขอขมาแม่น้ำกกเพราะเราอาบน้ำล้างสิ่งสกปรกลงไป ขณะที่เมื่อข้ามน้ำเราก็ต้องทำพิธีขออนุญาต และใช่ช่วงสงกรานต์ที่ไปเอาทรายเข้าวัดก็ต้องทำพิธีขออนุญาตด้วยเช่นกัน

ขณะที่ผู้แทนปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตรกล่าวว่า ปกติเดือนมีนาคม-เมษายน จะจัดกิจกรรมล่องแม่น้ำกกนั่งช้างเที่ยวชมหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ลูกค้าหายไปกว่า 80% โดยทุกเช้าต้องเอาช้างลงน้ำกกเพื่ออาบน้ำ แต่ตอนนี้ต้องใช้ท่อต่อประปาภูเขา ช้างไม่สามารถกินน้ำและอาบน้ำได้เต็มที่เหมือนเดิม

————

On Key

Related Posts