เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านริมแม่น้ำกระบุรี อ.กระบุรี จ.ระนอง เนื่องจากการทำเหมืองแร่บริเวณต้นแม่น้ำในประเทศพม่า ทำให้น้ำมีสีขุ่นมาแล้ว 4-5 ปี ว่าล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบภาพทางอากาศจากกูเกิลเอิร์ท พบว่าการทำเหมืองแร่ในประเทศพม่านั้น ได้เลือกทำในพื้นที่ที่เป็นลำห้วยซึ่งเป็นต้นแม่น้ำกระบุรี เนื่องจากบริเวณภูเขาและพื้นที่ราบมักเป็นที่ดินที่มีเจ้าของซึ่งทำสวนปาร์ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอาการจากกูเกิลเอิร์ทยังพบด้วยว่า ที่บริเวณคลองหูนีซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญที่เป็นต้นแม่น้ำกระบุรีได้มีการทำเหมืองแร่ขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับลำห้วยอีก 4-5 แห่งที่ไหลลงแม่น้ำกระบุรีต่างมีเหมืองแร่ตามล่องน้ำด้วยกันทั้งสิ้น
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานอุตสาหกรรมให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการทำเหมืองแร่จากฝั่งพม่าที่ส่งผลกระทบชาวบ้านพื้นที่ ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ว่า เท่าที่ทราบการทำเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาหลายประเภทยังไม่ได้ออกกฎหมาย
“เรื่องการทำ EIA ไม่มีแน่นอนเพราะสภาวะบ้านเมืองเขาอย่างนั้นเป็นรัฐบาลทหาร เขาไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายอะไรได้ หลายอย่างมีกฎหมายก็ยังใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นปัญหาเดียวกับแม่น้ำสาย แม่น้ำกก ถ้าบ้านเมืองเขายังไม่สงบสุข เขาจะบังคับใช้ พรบ.แร่ ได้ ไม่เหมือนของเรา เป็นปัญหาที่ค่อนข้างลำบากต้องใช้การเจรจาระหว่างประเทศ” แหล่งข่าวกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ยังกล่าวถึงปัญหาแม่น้ำกระบุรีที่ชาวบ้านไม่สามารถนำมาอุปโภคบริโภคอีกว่า จริงๆแล้วเป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการไทย
“ชาวบ้านอยู่ในพื้นที่สังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใด ซึ่งถ้าอยู่ในหน้าที่รับผิดชอบเรื่องน้ำกินน้ำใช้มันเป็นหน้าที่และเป็นความผิดด้วยถ้า อปท.ไม่จัดการ ผมมองว่าเราไม่ต้องไปสนใจเรื่องที่มันอยู่นอกราชอาณาจักร แต่ตัวผลกระทบที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรปกติจะมีคณะกรรมการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนอยู่ซึ่งเป็นลักษณะการเจรจา” แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมเหมืองแร่กล่าว
นายพีระ ประสงค์เวช สมาชิกวิสาหกิจชุมชนล่องแพลำน้ำกระบุรี หรือล่องแพแลชายแดน กล่าวถึงผลกระทบจากการที่แม่น้ำกระบุรีขุ่นข้นเนื่องจากการทำเหมืองต้นแม่น้ำในประเทศพม่าว่า การท่องเที่ยวล่องแพต้องหยุดให้บริการลูกค้าเนื่องจากแม่น้ำกระบุรีสีขุ่น ผลการตรวจคุณภาพน้ำจากกรมควบคุมมลพิษยังพบสารแขวนลอย ซึ่งอาจทำให้นักท่องเที่ยวบางคนมีอาการแพ้และเป็นผื่นคัน
“สภาพน้ำประปาจากแม่น้ำกระบุรีขุ่นมาก ถ้าเอาผ้าขาวไปซักก็จะไม่เป็นผ้าขาวเลย ชาวบ้านโพสต์ด่านายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากจั่น ท่านก็พยายามชี้แจง แต่ชาวบ้านก็คิดแต่ว่าน้ำประปาต้องใสอย่างเดียว ไม่รู้ว่ากระบวนการผลิตต้องทำแบบไหน น้ำขุ่นแบบน้ำโคลนซึ่งการทำประปาก็ต้องใช้ต้นทุนสูง ทั้งคลอรีน สารส้ม ตัวกรองน้ำก็ต้องเปลี่ยนบ่อย ทางนายก อบต.ปากจั่น บอกว่าได้ส่งหนังสือที่ชาวบ้านร้องเรียนผ่าน อบต.ไปยังอำเภอแล้ว” ผู้ประกอบการล่องแพแลชายแดน กล่าว
นายพีระ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ชาวบ้านแก้ปัญหาน้ำประปาจากแม่น้ำกระบุรีขุ่นด้วยการขุดบ่อหรือซื้อน้ำเอง โดยทาง อบต.ปากจั่น จะทำการขุดลอกอ่างเก็บน้ำเอามาใช้ฉุกเฉินไปก่อนเพื่อทดแทนแม่น้ำกระบุรีที่ขุ่นขึ้นทุกวัน
ในขณะที่ นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า แนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบจากเหมืองฝั่งพม่าต้องใช้กลไกในพื้นที่สหพันธ์ชายแดน (TBC) โดยให้ TBC แจ้งรายงานปัญหาไปอีกครั้งแล้ว
“เจรจาไหมเราทำหนังสือแจ้งไปในเบื้องต้นก่อน เพราะเราดำเนินการมาครบหมดแล้ว ส่วนเรื่องน้ำประปาทาง อบต.ปากจั่นดำเนินการดูแลอยู่แล้วมีการนำน้ำสะอาดมาให้ชาวบ้าน” นายสุพจน์ กล่าว
———-