Search

เสียตะโกนกระหึ่มลุ่มน้ำกก-สายให้รัฐบาลเอาจริง-หาช่องทางปิดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ จังหวัดเชียงรายตอบคำถาม “อ้ำอึ้ง”ไม่ชัดเจนทั้งเรื่องฝายดังตะกอน-แผนรับมือสารพิษรุนแรง

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00น. ที่สวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง อ.เมือง จ.เชียงราย ชาวเชียงราย และผู้ที่สนใจปัญหาแม่น้ำกกหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ นักเรียน ผู้ประกอบการ สถาบันการศึกษา สมาคม มูลนิธิต่างๆ และพระสงฆ์ รวมประมาณ 1,500 คน ได้รวมตัวกันเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก World Environment Day โดยชาวเชียงรายได้ใช้โอกาสนี้แสดงเจตนารมณ์ขอรัฐบาลไทยและฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องปิดเหมืองแร่ฝั่งรัฐฉาน ประเทศพม่า ที่ปล่อยสารพิษลงแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จนทำให้สายน้ำปนเปื้อนไปด้วยสารโลหะหนักจนไม่สามารถใช้การได้ ส่งผลกระทบกับชุมชนลุ่มแม่น้ำกก ลุ่มแม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงอย่างรุนแรง

ขณะที่บุคคลสำคัญของจังหวัดเชียงรายต่างเดินทางมาร่วมให้กำลังใจเพื่อสนับสนุนกิจกรรมกันอย่างคึกคัก ทั้ง อาทิ นายนคร พงษ์น้อย ผู้อาวุโสของจังหวัดเชียงรายและผู้ก่อตั้งไร่แม่ฟ้าหลวง  นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายสมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเชียงราย น.ส.อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์และฐากูร ยะแสง สส.พรรคประชาชน

ทั้งนี้ได้มีพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ และพิธีกรรมทางความเชื่อของประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต้องการขอขมาแม่น้ำ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพ และหาหนทางปกป้องเยียวยาแม่น้ำกก

พระครูศรีวรวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ จ.เชียงราย กล่าวภายหลังพิธีทางสงฆ์ว่า พระสงฆ์เองก็เดือดร้อน เพราะเคยปล่อยปลากับญาติโยมทุกวันเสาร์ลงแม่น้ำกก แต่หลังจากทราบข่าวการปนเปื้อนในแม่น้ำกกต้องหยุด  “หวังว่าเสียงของเราจะดังไปถึงผู้มีส่วนแก้ไข ปกติอาตมากับญาติโยมจะปล่อยปลากันทุกวันเสาร์ แต่ตอนนี้ต้องหยุดปล่อยไปก่อนเพราะสงสารปลา หวังว่าจะได้รับการแก้ไข” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ กล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ที่มาร่วมงานหลากหลายอาชีพ ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือต้องการให้รัฐบาลหาวิธีการปิดเหมืองแร่ที่ต้นน้ำให้เร็วที่สุดเพราะทุกวันนี้ต่างได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถใช้แม่น้ำกกได้ ขณะที่กลุ่มสถานประกอบการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ได้เข้าร่วมโดยให้พนักงานมาเดินแจกน้ำให้กับผู้ร่วมชุมนุม นอกจากนี้กลุ่มนักดนตรีและศิลปินแขนงต่างๆ ร่วมกันแสดงสลับกัน โดยมีการแต่งเพลงให้กับแม่น้ำกกกันหลาย

ภาพจากเพจรักษ์แม่กก

นายพินิจ ราชตา ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยวัยที่ 3 กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนเชียงรายได้เห็นแม่น้ำกกไม่เหมือนเดิม จากที่เคยใสสะอาดดื่มกินได้ ตอนนี้ขุ่นแดง หลังน้ำท่วมเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทราบว่ามีสารพิษจากเหมืองแร่ ตนสนับสนุนกิจกรรมแสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อทำให้รัฐบาลและผู้มีอำนาจในต่างประเทศได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

น.ส.นันท์นารี หลวงมอย ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์เพื่อน้องหญิง กลุ่มแม่หญิงเชียงของ กองร้อยน้ำส้ม อ.เชียงของ จ.เชียงราย กล่าวว่า เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสารปนเปื้อน คนทำประมง สาหร่ายแม่น้ำโขงหรือไกที่สร้างอาชีพให้ผู้หญิงใน อ.เชียงของ  “อาชีพรายได้ความเป็นอยู่เปลี่ยนหาปลาหา ไก (สาหร่ายแม่น้ำโขง) หายไป จึงมาร่วมแสดงพลังปกป้องธรรมชาติ เพื่อลูกหลานในอนาคตและวิถีชีวิตคืนกลับมา อยากให้รัฐบาลจัดการเรื่องปิดเหมืองต้นทาง ดูแลให้สารปนเปื้อนหมดไป ธรรมชาติกลับคืนมา ให้คนที่อยู่ในแม่น้ำทั้ง 4 สายได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ” น.ส.นันท์นารี กล่าว  

น.ส.อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกอบจ.เชียงราย ให้สัมภาษณ์ว่าประชาชนเชียงรายออกมารวมตัว หวังว่าเสียงนี้จะส่งไปถึงผู้แก้ไขปัญหาโดยที่ จ.เชียงรายมีแม่น้ำหลัก 4 สาย เป็นสายน้ำแห่งชีวิต ชาวบ้านวิตกกับสารพิษในแม่น้ำ รัฐบาลจะปกป้องชีวิตของชาวบ้านอย่างไร  อยากให้จัดการที่ต้นเหตุเพื่อให้กลับมาเป็นสายน้ำแห่งชีวิตของประชาชน ซึ่งตั้งแต่ทราบเรื่อง อบจ.เชียงรายได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ ทั้งกรมชลประทาน กรมเจ้าท่า สำนักงานป่าไม้ เกษตรจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด หาแนวทางแก้ไขตั้งแต่วันนั้น  

เวลา 11.00 น. ผู้มาร่วมชุมนุมได้เคลื่อนขบวนจากสวนสาธารณะไปยังสะพานแม่ฟ้าหลวง โดยนำหน้าด้วยกลุ่มศิลปินจากขัวศิลปะที่จัดขบวนแห่ไว้อาลัยให้กับปลาแข้ ซึ่งเป็นปลาในแม่น้ำกกและแม่น้ำโขงที่ป่วยเป็นชนิดแรกๆ ซึ่งสร้างความสนใจได้เป็นอย่างมาก ขณะที่กลุ่มนักเรียนและนักศึกษาจากโรงเรียนต่างๆร่วมกันถือป้ายรณรงค์กันอย่างคึกคักท่ามกลางแสงแดดแผดร้อน

ขณะที่นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะตัวแทนรัฐบาล ได้เดินทางมารับหนังสือและฟังข้อเรียกร้องจากผู้ร่วมชุมนุมที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีตัวแทนอ่านแถลงการณ์ 5 ภาษา คือ ภาษาไทย ,อังกฤษ ,จีน ,เมียนมา และไทใหญ่

ทั้งนี้สาระสำคัญของแถลงการณ์ระบุว่า เนื่องด้วยประชาชนที่อาศัยในลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ  จ.เชียงราย กำลังเผชิญปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำที่ไหลมาจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เนื่องจากการเปิดหน้าดิน ทำเหมืองแร่เถื่อน รวมทั้งแร่แรร์เอิร์ทอย่างน้อย 40 จุด โดยเหมืองเถื่อนบางแห่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนไทยเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น   ประชาชนในพื้นที่ตระหนักดีว่า เราจะปล่อยให้ปัญหาผลกระทบดังเกิดขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาภัยความมั่นคงที่กระทบประชาชนนับล้านคน

“พวกเราเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อยุติเหมืองแร่เหล่านี้ทันที และต้องมีมาตรการชัดเจนด้านการฟื้นฟูนิเวศแม่น้ำกก สาย รวก และโขง ระบบเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นให้กลับคืนมาดังเดิมอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานออกไปยิ่งทำให้ความเสียหายรุนแรงและวงกว้างขึ้น”แถลงการณ์ระบุ   

นอกจากยื่นหนังสือถึงรัฐบาลไทยแล้ว ผู้ชุมนุมยังได้ยื่นหนังสือถึงประธานาธิบดีจีน รัฐบาลทหารพม่า และกองกำลังว้า โดยนายขจรกล่าวกับผู้ชุมนุมว่าตนเองได้รับรายงานว่ารัฐบาลไทยส่งหนังสือไปยังประเทศเมียนมา และส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงทรัพยากรของเมียนมา เพื่อนัดพบเจรจากันแล้ว โดยวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะประชุมวิดิโอคอนเฟอเรนซ์กับจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และกรมควบคุมมลพิษเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

ภายหลังการยื่นหนังสือเครือข่ายประชาชนปกป้องลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ได้ร่วมกันโปรยดอกไม้และปล่อยป้ายผ้าขนาดใหญ่บริเวณกลางสะพาน ที่มีข้อความระบุว่า “หยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตให้สายน้ำกก”  

เวลา 12.00น. นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายพร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ได้เปิดห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อตอบข้อซักถามของคณะสื่อมวลชนทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาคที่ร่วมกันลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยนายชรินทร์ กล่าวว่าโดยหลักการของการแก้ไขปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ สาเหตุอยู่ไหนต้องแก้ที่นั่น แต่วันนี้ปัญหาอยู่นอกประเทศ ทำให้แก้ที่ต้นเหตุไม่ได้ จึงต้องแก้ที่ปลายเหตุ มุ่งเน้นดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย  

 “จากผลตรวจ 4 ครั้ง บริเวณหลังฝายเชียงราย พบว่าตัวเลขสารหนูลดลง จึงตรงกับข้อเสนอของกรมควบคุมมลพิษในการแก้ไขปัญหาระยะสั้นว่า อาจให้มีฝายดักตะกอนดิน ลดปริมาณสารหนูได้ เพราะการแก้ปัญหาดีที่สุดคือน้ำที่มาจากต่างแดนต้องไม่มีสารหนู แต่ทางจังหวัดไม่มีอำนาจหน้าที่ไปสั่งปิด ตราบใดที่น้ำมา น้ำมีสารปนเปื้อน จะทำยังไงให้น้ำที่เข้ามามีสารปนเปื้อนน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย วิธีการหนึ่งที่กรมควบคุมมลพิษพูดคือข้อเสนอฝายดัดกตะกอน เพื่อให้สารชะลอลง” นายชรินทร์ กล่าว  

ด้าน น.ส.ปิยนุช ทรวงคำ ผู้อำนวยการส่วนการจัดการคุณภาพน้ำ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า รูปแบบการจัดทำฝายดักตะกอน ทางกรมทรัพยากรน้ำกำลังทำการศึกษา มี 4 รูปแบบ คือ 1.แบบแก้มลิง และบึงประดิษฐ์ 2.หลุมดักตะกอน 3.ระบบดักตะก่อนและระบบดูดตะกอนดิน 4.ประตูระบายน้ำ เป็นรูปแบบระยะยาว ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษา

น.ส.อรชา วงศาโรจน์ หัวหน้ากลุ่มพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงผลการตรวจคุณภาพพืชทางการเกษตร ยังไม่พบสารปนเปื้อนในดิน ยังไม่พบการสะสมสารหนูในพืช ในกรณีของการทำนา มีคำแนะนำจากกรมการข้าว ให้ปรับปรุงดินโดยใช้ปูนขาว และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อลดการปนเปื้อนได้ ซึ่งในฤดูกาลผลิตนี้เกษตรกรยังสามารถใช้น้ำกกทำนาได้ แต่ต้องปรุงดินตามคำแนะนำเพื่อลดปัญหาสารเคมี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนในครั้งนี้ มีหลายคำถามที่ทางจังหวัดไม่สามารถอธิบายข้อมูลได้กระจ่าง เช่น หากเห็นว่าชาวนายังทำนาโดยใช้แม่น้ำกกได้ ทำไมทางจังหวัดถึงไม่ออกประกาศแจ้งชาวนา หรือ กรณีการทำฝายดักตะกอนเคยมีตัวอย่างการทำสำเร็จแล้วหรือไม่ และจะบริหารจัดการตะกอนสารพิษอย่างไร รวมทั้งทำไมถึงไม่ให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม นอกจากนี้เมื่อสื่อมวลชนถามว่าในอนาคตหากพบว่าสารโลหะหนักในน้ำสูงขึ้น หรือสารโลหะหนักกระจายเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อาหาร ทางจังหวัดมีแผนรับมือหรือไม่ ทางจังหวัดให้บอกว่า “จะไปหาคำตอบให้”

นอกจากการจัดงานที่ อ.เมือง จ.เชียงรายแล้ว ยังมีการจัดงานรวมพลังรณรงค์ปิดเหมืองแร่ต้นน้ำที่สะพานท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่แรกที่แม่น้ำกกไหลเข้าประเทศไทย โดยมีกิจกรรมต่างๆและการยื่นหนังสือถึงรัฐบาล ซึ่งมีประชาชนมาร่วมอย่างคับคั่ง

อีกพื้นที่ที่มีการจัดงานคือบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายแม่น้ำกกและแม่น้ำรวก(แม่น้ำสายไหลลงแม่น้ำรวก) โดยประชาชนลงชื่อคัดค้านการทำเหมืองที่ต้นแม่น้ำกกกันอย่างคึกคัก  โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ อาทิ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 โรงเรียนเชียงแสนอะคาเดมี่ เป็นต้น เข้าร่วม โดยมีการแสดงผลงานของนักเรียนชั้นต่างๆ ที่ค้นคว้าหัวข้อมลพิษจากเหมือง และมีตัวแทนนักเรียนอ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืนคัดค้านและเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

นายภาณุวัฒน์ ศรีสุข ตัวแทนภาคประชาชน อ.เชียงแสน กล่าวว่า แม่น้ำกกและแม่น้ำสายปนเปี้อนสารหนู ประชาชนจึงมีความกังวลมากว่าจะมีสารปนเปื้อนในในพืชผักและน้ำกินน้ำใช้ และอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของคนเชียงแสน ซึ่งจนถึงขนาดนี้ภาครัฐยังไม่สามารถให้ความมั่นใจต่อชาวบ้านได้เลย

“วันนี้ชาวเชียงแสนอยากให้รัฐบาลแสดงบทบาทประสานกับฝั่งพม่าเพื่อหยุดการทำเหมืองแร่และเร่งแก้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำ เราอยากให้ภาครัฐเก็บตัวอย่างน้ำประปาไปตรวจอย่างละเอียดว่ามีสารตกค้างหรือไม่ ขอให้หน่วยงานรัฐที่ทำการเก็บตัวอย่างพืชผักไปตรวจสอบแล้ว ให้นำข้อมูลเปิดเผยให้กับชุมชนรับทราบ เพื่อให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง”นายภาณุวัฒน์ กล่าว

_______

On Key

Related Posts