Search

อำเภอเชียงแสนปิดหมู่บ้านสอบ ภายหลังมีข่าวชาวว้าแดงอพยพสร้างบ้านใน ต.โยนก ปลัดแจงไม่เป็นความจริง ขณะที่กำนันเชื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ได้มีการเสนอข่าวว่ามีกลุ่มว้าแดงจากพม่า อพยพเข้ามาสร้างบ้านอยู่ในพื้นที่ บ้านดอยจัน ต.โยนก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีการทำบัตรประจำตัวบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน (กลุ่มหัว 0) หรือเตรียมรับบัตรหัว 6 และบัตรหัว 8 อีกทั้งมีการสวมชื่อสกุลบุคคลสัญชาติไทยนั้น

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 นายประเสริฐ แก้วขาว ปลัดอำเภอและหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง อ.เชียงแสน และคณะได้ลงพื้นที่บ้านดอยจัน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยนายประเสริฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยมอบให้ผู้ใหญ่บ้านเรียกประชุมราษฎรทั้งบุคคลสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทย ประมาณ 300 คน ซึ่งต่างให้การยืนยันว่าไม่มีกลุ่มว้าแดงเข้ามาอาศัยในหมู่บ้าน มีเพียงชนกลุ่มน้อย ได้แก่ ชนกลุ่มน้อยเผ่าดาราอั้ง (ปะหล่อง) คนลาวอพยพ ที่รัฐให้การรับรองสถานะบุคคลตามกฎหมายโดยการจัดทำทะเบียนประวัติไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบางคนถือบัตรประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 6 และบางคนถือบัตรประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 0 กลุ่ม 89 สถานะทางกฎหมายของบุคคลเหล่านี้รัฐอนุญาตให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จึงชอบด้วยกฎหมาย

“กรณีดังกล่าวอำเภอเชียงแสนได้ชี้แจงประชาชนที่เข้าร่วมประชุมให้เข้าใจข้อเท็จจริงแล้วว่า มิได้เป็นไปตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นไปตามที่ทุกคนกังวล ทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมายกำหนด การเสพข่าวสารต่างๆ และนำไปสื่อสารกันเองจากผู้ที่ไม่มีความรู้ข้อกฎหมาย จึงเกิดปัญหาและนำไปขยายเป็นวงกว้างสู่ประชาชนนำไปเสนอข่าวตามที่ปรากฎในสื่อออนไลน์”นายประเสริฐ กล่าว

ปลัดอำเภอเชียงแสน กล่าวว่ากรณีที่มีการร้องว่ามีการสวมชื่อสกุลของบุคคลสัญชาติไทย จากการตรวจไม่มีการสวมชื่อสกุลของบุคคลสัญชาติไทยแต่อย่างใด แต่มีชื่อสกุลของบุคคลต่างด้าวที่เป็นชนกลุ่มน้อย ไปซ้ำกับชื่อสกุลของบุคคลสัญชาติไทย จำนวน 4 ราย ซึ่งทั้ง 4 รายได้มาจากการจัดทำทะเบียนประวัติฯระหว่างปี 2548-2554 ซึ่งขณะนั้นบุคคลดังกล่าวอาศัยอยู่กับสามีซึ่งเป็นคนสัญชาติไทย และสามียินยอมให้ใช้ชื่อสกุล แต่ขณะยินยอมฝ่ายญาติของสามีอาจไม่ทราบ และเข้าใจว่าบุคคลดังกล่าวนำชื่อสกุลมาสวม

นายพัศดี ยาสมุทร์ กำนัน ต.โยนก อ.เชียงแสนกล่าวว่า คาดว่าสาเหตุที่เกิดการร้องเรียนเกินจากความไม่เข้าใจ เนื่องจากทางผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายหลังจากที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศ เรื่องให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายฯ เพื่อให้ชาวบ้านในหมู่บ้านได้รับทราบเพื่อให้มารายงานตัวตรวจสอบบุคคลที่มีสิทธิตามประกาศกระทรวงฯ แต่เกิดความไม่เข้าใจ และเมื่อทราบว่ามีคนต่างด้าวมาอยู่จำนวนกว่า 140 คน จึงมีความกังวลและคิดไปโดยไม่ได้มีโอกาสพูดคุยสอบถาม จึงมีการให้สัมภาษณ์สื่อออกไปกำนันกล่าวอีกว่าการเข้ามาอยู่ของคนต่างด้าวดังกล่าวมีอยู่จริง มาอยู่กันทั้งประมาณ 50-60 ปี บ้างก็กว่า 30 ปี บางคนแต่งงานกับคนไทย มาซื้อที่และทำงานทั่วไป และก็เข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เมื่อได้ประชุมหมู่บ้านจึงได้นำประเด็นนี้มาชี้แจงทำความเข้าใจและตรวจสอบข้อเท็จจริงของอำเภอเชียงแสน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งความมั่นคง ตำรวจสืบสวน ตม. ก็ได้เข้ามาตรวจสอบ โดยคนถือหัว 0 หัว 6 มีจำนวนมาก ทั้งเชียงแสนน่าจะมีราว 4,000-5,000 คน กำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจ

กำนันกล่าวอีกว่าการเข้ามาอยู่ของคนต่างด้าวดังกล่าวมีอยู่จริง มาอยู่กันทั้งประมาณ 50-60 ปี บ้างก็กว่า 30 ปี บางคนแต่งงานกับคนไทย มาซื้อที่และทำงานทั่วไป และก็เข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เมื่อได้ประชุมหมู่บ้านจึงได้นำประเด็นนี้มาชี้แจงทำความเข้าใจและตรวจสอบข้อเท็จจริงของอำเภอเชียงแสน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งความมั่นคง ตำรวจสืบสวน ตม. ก็ได้เข้ามาตรวจสอบ โดยคนถือหัว 0 หัว 6 มีจำนวนมาก ทั้งเชียงแสนน่าจะมีราว 4,000-5,000 คน กำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจ

On Key

Related Posts

เร่งแก้ไขน้ำประปาปนเปื้อน 18 หมู่บ้าน นายก อบจ.เชียงรายเผยระบบไม่ได้มาตรฐาน-เตรียมปรับปรุงเพิ่ม-คพ.ส่งทีมตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมด-เบื้องต้น 3 หมู่บ้านไม่พบสารโลหะหนัก-สำรวจหาแหล่งน้ำสะอาดแห่งใหม่