Search

หวั่นซ้ำเติมปัญหามลพิษให้คนเชียงราย “ครูตี๋”เผยส่งหนังสือถึง รมว.พลังงานค้านประชุมสร้างเขื่อนปากแบงกั้นโขง หลังบริษัทเอกชนเดินหน้าโครงการ นักอนุรักษ์จี้ MRC หารือด่วน

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ “ครูตี๋”ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ จ.เชียงราย เปิดเผยว่าวันนี้ได้ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อคัดค้านโครงการสร้างเขื่อนปากแบง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตย (สปป.) ลาว โดยมีเนื้อหาสำคัญว่ากลุ่มรักษ์เชียงของ ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการเขื่อนปากแบง ประสานงานการจัดเวทีประชุมเพื่อนำเสนอรายงานผลกระทบข้ามพรมแดนโครงการไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง ซึ่งจะจัดในหมู่บ้านต่างๆ ในอ.เวียงแก่น และอ.เชียงของ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 18-21 มิถุนายน 2568 และก่อนหน้านี้ กฟผ. ได้ส่งรายงานผลกระทบข้ามพรมแดน ซึ่งระบุว่าเป็นเอกสารลับสำหรับกลุ่มรักษ์เชียงของเท่านั้น โดยรายงานดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ

“โครงการเขื่อนปากแบง จะสร้างกั้นแม่น้ำโขงสายประธานที่แขวงอุดมไซ สปป.ลาว ส่งผลกระทบน้ำเท้อมาถึงพื้นที่ จ.เชียงราย เรื่องนี้เป็นเรื่องสาธารณะ จะกระทบต่อคนจำนวนมาก รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าชาวไทยที่จะต้องติดสัญญาผูกพันการซื้อไฟฟ้ายาวนานถึง 29 ปี” นายนิวัฒน์ กล่าว

ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของกล่าวว่า ขอเสนอให้กระทรวงพลังงานและ กฟผ. ในฐานะผู้ซื้อไฟฟ้า ดำเนินการดังนี้

 1. ขอให้แปลรายงานผลกระทบข้ามพรมแดนเป็นภาษาไทยทุกหน้า  และนำส่งให้แก่ประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ ตลอดจนส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายอำเภอเชียงแสน, นายอำเภอเชียงของ, นายอำเภอเวียงแก่น, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ติดแม่น้ำโขงในจังหวัดเชียงราย, ชุมชนที่จะไปดำเนินการจัดการประชุม เป็นต้น เพื่อให้ศึกษาให้เข้าใจเพียงพอก่อนที่จะจัดประชุม และส่งให้ล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน เพื่อเป็นไปตามหลักการการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ 2560

2. ก่อนการจัดประชุม ขอให้มีการศึกษาผลกระทบจากสารพิษโลหะหนักจากการทำเหมืองแร่เถื่อนในรัฐฉาน เมียนมา ที่ไหลมากับตะกอนแม่น้ำกก สาย รวก และลงสู่แม่น้ำโขง และข้อมูลการตรวจคุณภาพน้ำของกรมควบคุมมลพิษหลายครั้ง ระบุชัดเจนว่าแม่น้ำโขงมีโลหะหนัก สารหนูเกินค่ามาตรฐาน หากสร้างเขื่อนปากแบงกั้นแม่น้ำโขง แม่น้ำที่ไหลก็จะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำ ที่ดักตะกอนพิษไว้ที่ท้องน้ำ ซึ่งผลกระทบต่อนิเวศ สัตว์น้ำ แหล่งน้ำประปา และสุขภาพของประชาชน ความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็ง ฯลฯ  วิกฤตนี้จะบานปลายเกินการควบคุม และยากที่จะเยียวยาฟื้นฟู ท่านต้องตอบเรื่องนี้ให้ได้ก่อนการดำเนินการอื่นใด

3. ให้มีการจัดประชุมอย่างน้อยในระดับจังหวัดและอำเภอที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขง เพราะโครงการเขื่อนปากแบงไม่ได้เพียงส่งผลกระทบข้ามพรมแดนต่อประชาชนเพียงไม่กี่หมู่บ้าน แต่เป็นความเสี่ยงของชุมชนอื่น ๆ ใน 3 อำเภอติดลำน้ำโขง, ชุมชนที่ตั้งอยู่ตามลำน้ำสาขา และประชาชนไทยทุกคนในวงกว้าง

นส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการรณรงค์ International Rivers กล่าวว่าการผลักดันเขื่อนปากแบงในเวลานี้จะยิ่งซ้ำเติมปัญหามลพิษข้ามพรมแดนบนแม่น้ำโขงและลำน้ำสาขา คือแม่น้ำกก สาย รวก ที่มีการทำเหมืองแร่ในพื้นที่นอกกฎหมายในรัฐฉาน จนส่งผลกระทบเป็นพื้นที่กว้าง สร้างความกังวลและความเสียหายต่อประชาชนนับล้านคน ขณะนี้ทางการจีนได้แสดงการรับรู้ปัญหานี้แล้ว จึงควรมีการหารือเร่งด่วนในกรอบภูมิภาค โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission-MRC) ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการควบคุมคุณภาพน้ำ (Procedure for Water Quality-PWQ) ซึ่งมีแนวทางการจัดการคุณภาพน้ำ ที่เน้นการปกป้องสุขภาพของมนุษย์ และปกป้องสัตว์น้ำ

“แม่น้ำโขงตอนบนและลำน้ำสาขาขณะนี้กำลังเผชิญปัญหาวิกฤตหนักที่สุดเท่าที่เราเคยเผชิญมา แม่น้ำไหลไป เรามองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้ แม่น้ำโขงกำลังมีการปนเปื้อนสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของแหล่งกำเนิดมลพิษ คือเหมืองเถื่อนที่ต้นน้ำ โครงการเขื่อนปากแบงก็ควรชะลอออกไปโดยไม่มีกำหนด หากสร้างไปก็คือสร้างบ่อเก็บน้ำพิษ แล้วประชาชนและนิเวศแม่น้ำจะอยู่อย่างไร” นส.เพียรพร กล่าว