เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ที่แก่งทรายมูล ม.14 บ้านร่มไท ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) และเครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก จัดประชุมสำหรับชุมชนเพื่อหารือการทำงานแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมอุทกภัย และปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนสารโลหะหนักเนื่องจากการทำเหมืองแร่เถื่อนที่ต้นน้ำในรัฐฉาน โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 30 คน
พระมหานิคม มหาภินิกขมฺโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน จ.เชียงใหม่ กล่าวว่าชาวบ้านไม่มีดาวเทียม มีแค่รู้ความผิดปกติจากสีของแม่น้ำ รัฐควรรู้ข้อมูลมากกว่าชาวบ้าน ต้องรู้ว่าประชาชนเสียหายอย่างไร จะป้องกันและแก้ไขอย่างไร ชาวบ้านที่มีความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้น ขณะนี้เห็นว่ายากที่จะเห็นรัฐเข้ามาจัดการปัญหา
“เวลานี้ชาวบ้านทุกข์มาก ปัญหาแรกคือน้ำท่วม ความเสียหายเกิด น้ำท่วมที่เป็นโคลน เมื่อน้ำลงแล้วยังมีความเสียหาย ปีที่ผ่านมาน้ำกกหลากท่วม บ้านเป็นร้อยๆ หลังต้องเสียหาย หลายครอบครัวเสียทั้งบ้านและที่ดินหายไปกับน้ำท่วม จะให้ไปอยู่ที่ไหน บ้านพังจนบัดนี้ยังเข้ามาอยู่อาศัยไม่ได้” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน กล่าว
พระมหานิคมกล่วว่า ปัญหาที่สอง คือสารพิษโลหะหนักที่ไหลมาจากทางต้นน้ำนี่คือทุกข์ที่ยังไม่ได้แก้ไข เป็นทุกข์ที่ค้างอยู่ แล้วน้ำก็จะหลากมาอีกไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ มูลนิธิพชภ. และเครือข่ายได้มาช่วยเหลือเรื่องการเตือนภัย สร้างเครือข่ายเตือนภัยจากตรงนี้ไปตลอดลำน้ำกกจนถึงเมืองเชียงราย ครั้งนี้เราจะเตือนกัน จะไม่ให้เสียหายจะขนของหนีให้ทัน
“ปัญหาปัจจุบันที่เจอ คือแหล่งน้ำที่เราใช้ เราจะเอาน้ำมาใช้ในการเกษตร ส่วนใหญ่ใช้น้ำจากแม่น้ำกก และบ่อน้ำตื้น เกษตรกรที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกกมีจำนวนมาก บ่อน้ำตื้นใกล้แม่น้ำกกปลอดภัยหรือไม่ เรายังไม่เห็นการแจ้งเตือนจากรัฐ ตอนนี้มีจำนวนมากที่ยังใช้น้ำจากแม่น้ำกกในการเกษตร ยังไม่ทราบว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ กินได้หรือไม่ ขายได้หรือไม่ รัฐมีคำตอบแค่ว่าให้หลีกเลี่ยง และบางหน่วยงานยังออกข่าวว่าน้ำกกยังใช้ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยง แล้วอาหารที่เรากิน กินได้จริงๆ มั้ย อยากให้ผู้นำลงมาอาบน้ำกก กินผักกินปลาน้ำกกบ้าง จะได้ทราบว่าปลอดภัย” พระมหานิคม กล่าว
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอนกล่าวว่า เรารู้ว่าพิษจากโลหะหนักยังไม่เกิดทันที แต่เป็นการสะสมอีกหลายปีกว่าจะเห็นผล แต่วันนี้ผลกระทบทางจิตใจเกิดแล้ว ผลกระทบต่อครัวเรือนของประชาชนในลุ่มน้ำ แม้แต่ความฝันก็ยังเป็นความทุกข์
นายมนตรี จันทวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมแม่น้ำโขง The Mekong Butterfly กล่าวว่ากรมทรัพยากรน้ำได้นำเสนอแนวทางการสร้างฝายดักตะกอนที่สามารถพับเก็บได้ ก็คือแปลว่าพังได้ตลอดเวลา ซึ่งอันตรายมาก หากสร้างกั้นแม่น้ำกกที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทย เหนือหมู่บ้านร่มไท แล้วในสถานการณ์ที่น้ำหลากขึ้นสูงเร็ว หากฝายพังลงคือสารหนูที่เข้มข้นมหาศาล เพราะเก็บตะกอนไว้ในอ่าง พื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นปนเปื้อนสารหนูเข้มข้นซึ่งอันตรายมาก สารหนูมีประเภทที่อยู่กับน้ำและสารหนูที่อยู่กับตะกอน สารหนูในน้ำดักไม่ได้ ดักได้แต่ตะกอนเท่านั้น ตนเห็นว่าไม่ควรมีโครงการนี้แต่ควรแก้ปัญหาที่ต้นกำเนิดของมลพิษ คือเหมืองแร่เถื่อน
นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าการเสนอเรื่องฝายดักตะกอน ถือเป็น false protection หรือการปกป้องเทียม ทำให้คนรู้สึกว่าถูกปกป้องแล้ว รัฐก็เหมือนว่าได้ทำหน้าที่ปกป้องแล้วแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย ยิ่งเป็นการสร้างปัญหาใหม่
“การแก้ปัญหาแม่น้ำกก หลักที่ต้องยึดคือ ปกป้องชีวิตของประชาชนก่อน ใช้หลักระบาด สืบสวน investigate สถานการณ์ ว่าจุดที่มีปัญหาที่สุดคือใคร เขาจะเผชิญกับอะไร สองคือหลักระบาดวิทยาสังคม มันเกิดจากอะไร ต้องเริ่มด้วยความจริง ที่ไม่ใช่เพียงสุขภาพเพียงมิติเดียว ขณะนี้ปัญหาที่พบคือ วิกฤติสุขภาพจิต คือภัยพิบัติที่กำลังเกิดกับประชาชน ต้องมีทีมลงมาสำรวจข้อมูลผลกระทบสุขภาพ และวางแผนว่าจะปกป้องชีวิตประชาชนอย่างไร ต้องหยุดต้นเหตุ คือหยุดเหมืองให้ได้นี่สำคัญที่สุด” นพ.วิรุฬ กล่าว
นพ.วิรุฬกล่าวว่า เราต้องมีข้อมูลจากที่อื่นๆ ประเทศอื่นๆ เช่น กรณีเชอร์โนบิล เรียนรู้จากหายนะเหล่านั้น ทางออก solutionห มีแต่อย่างเพิ่งเลือกในทันทีต้องประเมินอย่างรอบด้านก่อนและวางแผนทุกระดับ ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม พลิกจากเหยื่อให้เป็นผู้กอบกู้วิกฤติร่วมกัน
วันเดียวกันที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ เพื่อติดตามความก้าวหน้า การแก้ไขปัญหาอุทกภัยและคุณภาพน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนือ ณ จังหวัดเชียงราย โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย คณะทำงานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมฯ
เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า ทราบจากผู้ว่าฯ ว่าทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างกระบวนการที่จะให้ประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง สามารถที่จะแจ้งเตือนภัยได้เบื้องต้น สำหรับการเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือ จังหวัดเชียงรายก็ได้มีการเตรียมไว้เป็นอย่างดี และทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทางผู้บริหารรัฐบาล อาจจะให้จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดนำร่อง เป็นรูปแบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ทั้งในเชิงป้องกันและด้านการปฏิบัติการ นอกจากนี้ ทางจังหวัดยังมีความต้องการเครื่องดูดโคลน เพราะจะเห็นว่าน้ำหลากส่วนใหญ่ ก็จะมีโคลนปนมากับน้ำด้วย ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จะรับข้อเสนอนี้ไปดำเนินการต่อไป
————