สำนักข่าว Irrawaddy รายงานเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมาว่า กองกำลังปะหล่อง TNLA (Ta’ang National Liberation Army) กำลังถูกชาวบ้านกล่าวหาว่า ผูกขาดการทำเหมืองทับทิมในเมืองกุด ทางเหนือของเขตมัณฑะเลย์ นอกจากนี้ยังเอื้อผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ซึ่งชาวบ้านยังร้องเรียนว่า มีการทำเหมืองอัญมณีมากเกินขนาดและเริ่มส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่แล้ว
ทั้งนี้ กองทัพปะหล่อง TNLA และกองทัพเพื่อประชาชน PDF สามารถยึดเมืองกุดได้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 และหลังจากยึดเมืองกุดได้โดยได้กำหนดกฎหมายทำเหมืองแร่ทับทิมขึ้นมาใหม่ ตามรายงานที่เผยแพร่โดย Global Witness เมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอัญมณีของพม่ามีมูลค่า เฉลี่ยอยู่ที่ 346-415 ล้านดอลลาร์ต่อปีตามข้อมูลการผลิตอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนประเมินว่า อาจมีมูลค่ามากถึง 5 เท่าของตัวเลขที่มีการออกมาระบุ
มีรายงานว่า กองทัพปะหล่อง TNLA ได้อนุญาตให้มีการขุดเหมืองแร่ทับทิมขนาดเล็กอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน ปี 2567 ที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทที่เคยเกี่ยวข้องกับกองทัพพม่าก่อนหน้านี้ถูกห้ามดำเนินการทำธุรกิจเหมืองในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม คนในพื้นที่กล่าวหาว่า สิทธิในการขุดแร่อัญมณีขนาดใหญ่กลับถูกมอบให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้นำระดับสูงของกองทัพปะหล่อง TNLA และทางกลุ่มยังเอื้อผลประโยชน์ทางธุรกิจให้กับต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและกองกำลังสหรัฐว้า (United Wa State Army) ในขณะที่นักธุรกิจท้องถิ่นกลับต้องเผชิญกับข้อกำหนดและข้อจำกัดต่างๆในการทำเหมือง
ชาวเมืองกุดได้ร้องเรียนผ่านโซเชียลมีเดียว่า การดำเนินการขุดแร่ทับทิมเกินขนาดและไร้การควบคุมกำลังสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและความงามของเมืองกุดอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่พยายามร่วมกันอนุรักษ์ไว้มาหลายชั่วอายุคน
“พวกเขา (กองกำลังปะหล่อง) ยึดสถานที่ขุดแร่คืนจากคนในพื้นที่ทันทีที่พบทับทิมที่มีคุณภาพ เพื่อนนักธุรกิจของผมคนหนึ่งถูกกลุ่มติดอาวุธสั่งให้ออกจากสถานที่ขุดแร่ทับทิมของเขา” ชาวบ้านกล่าว
ชาวเมืองกุดยังอ้างว่า มีการขุดแร่ทับทิมที่สนามกอล์ฟเมืองกุด โดยมีภาพถ่ายดาวเทียมสนับสนุนคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยแสดงให้เห็นสนามกอล์ฟถูกทำลายโดยการทำเหมือง
“การเห็นสนามกอล์ฟทำให้หัวใจฉันสลาย ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้ปกครองเมือง ฉันทำได้แค่ภาวนาให้พวกเขาเห็นคุณค่าเมืองของเรามากกว่าความโลภ ฉันรู้ดีว่า คำอธิษฐานเช่นนี้อาจไม่มีวันเป็นจริง” ชาวบ้านกล่าว
ขณะที่ฝ่ายกองทัพปะหล่องยังไม่มีท่าทีชัดเจนเกี่ยวกับการตั้งคำถามของผู้สื่อข่าวถึงการทำเหมืองในพื้นที่ โดยโฆษกของทางกลุ่มอ้างเพียงว่า ขณะนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมในเหมืองทับทิมที่เมืองกุด และกฎหมายหรือนโยบายปกป้องสิ่งแวดล้อมอยู่ในขั้นตอนการร่างยังไม่แล้วเสร็จ โดยยังอ้างว่า หากพบเห็นการทำเหมืองที่คุกคามต่อสิ่งแวดล้อมสามารถร้องเรียนต่อทางกลุ่มได้
ทั้งนี้ ตามรายงานขององค์กร Global Witness ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ ค.ศ. 1990 กองทัพพม่าได้ควบคุมเหมืองทับทิมของประเทศผ่านบริษัทที่กองทัพพม่าเป็นเจ้าของอย่าง บริษัท Myanmar Economic Corporation (MEC) และบริษัท Myanmar Economic Holding Limited (MEHL) ซึ่งทั้งสองบริษัทอยู่ภายใต้การดูแลของ พล.อ.มินอ่องหลาย ผู้นำกองทัพพม่า ซึ่งยึดอำนาจจากการรัฐประหารเมื่อปี 2564
กองทัพพม่าได้ให้ใบอนุญาตขุดทับทิมมูลค่ามหาศาลแก่กองกำลังว้า UWSA และกองกำลังรัฐฉานเหนือ รวมถึงกลุ่มติดอาวุธอื่นๆในรัฐฉาน โดยองค์กร Global Witness กล่าวว่ากลุ่มเหล่านี้ซึ่งถือเป็นศัตรูกัน ได้ประโยชน์จากการขุดเหมืองและได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับกองทัพพม่าด้วย อย่างไรก็ตาม กองทัพพม่าต้องสูญเสียการควบคุมเหมืองทับทิมส่วนใหญ่ของประเทศ เมื่อเมืองกุดตกไปอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพปะหล่อง TNLA และกองทัพ PDF ที่เป็นพันธมิตรกัน เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2567 ที่ผ่านมา
ภาพ The Irrawaddy