
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ศ.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์เฟสบุคระบุว่าเห็น สส. พรรคประชาชน ลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ปลุกกระแสชาตินิยม ด้วยวาทกรรม คนพม่าแย่งงานคนไทย แล้วเที่ยวเล่นงานคนตัวเล็กตัวน้อย อย่างสามล้อรับจ้าง คนหาเช้ากินค่ำแล้ว ได้แต่มองอย่างละเหี่ยใจ และยิ่งน่าแปลกใจที่สื่ออย่างไทยพีบีเอส ก็ผสมโรงกระแสชาตินิยมพรรค์นี้ด้วย
ศ.ปิ่นแก้วระบุว่า รากปัญหาของส่วยและสินบนแรงงานข้ามชาติในแม่สอด ไม่ได้แค่เรื่องการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่ไทยในพื้นที่ในการขูดรีดแรงงานเหล่านี้ แต่เป็นเรื่องกฎหมายที่ล้าหลัง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ที่บีบและกดบังคับให้แรงงานข้ามชาติทำงานได้เพียงสองประเภท คือ ถ้าไม่เป็นแม่บ้าน ก็เป็นกรรมกรรับจ้าง ข้อกำหนดนี้ ไม่เพียงล้าหลัง แต่เป็นการกดขี่แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม ปิดทางไม่ให้ผู้คนในชายแดนสามารถมีโอกาสในการทำงานอื่นๆที่ดีขึ้น อีกทั้งยังปิดโอกาสการจ้างงานอันหลากหลายของนายจ้างอีกด้วย
ศ.ปิ่นแก้วกล่าวว่า อ.แม่สอดนั้นเป็นทั้งเมืองการค้า และเมืองอุตสาหกรรม ที่พึ่งพาทั้งแรงงานชาวพม่าและพ่อค้าแม่ขายชาวพม่าแทบจะเรียกได้ว่า 100% ในตลาด มีพ่อค้า แม่ค้า ชาวพม่า มากพอๆกับพ่อค้า แม่ค้าคนไทย คนเหล่านี้ใช้บริการสามล้อแดงในการขนส่งสินค้าของพวกเขามาตลอด
“ดิฉันเคยสัมภาษณ์พ่อค้าชาวไทย ในตลาดพาเจริญ พวกเขาไม่เห็นว่าสามล้อแดงจะมาแย่งงานใคร เพราะลูกค้าของพวกเขา เป็นกลุ่มคนที่พวกเขาสื่อสารภาษากันได้ ไม่ใช่พ่อค้า แม่ค้าชาวไทย เช่นเดียวกับพ่อค้า แม่ค้าคนไทยที่มีลูกจ้างหน้าร้านเป็นชาวพม่า ลองไปถามดูว่า พวกเขาคิดอย่างไรกับวาทกรรมแย่งงานคนไทย”ศ.ปิ่นแก้วระบุ
นักวิชาการผู้ที่ระบุด้วยว่า วาทกรรมต่างด้าวแย่งงานคนไทย เป็นวาทกรรมเหยียดเชื้อชาติ ที่ชนชั้นนำไทยใช้ปลุกกระแสความเกลียดชังชนที่เป็นอื่นมาตลอดประวัติศาสตร์การเมืองชาตินิยม น่าเศร้าใจที่พรรคการเมืองที่ใช้คำว่า “ประชาชน” เป็นชื่อพรรค กลับมาผลิตซ้ำวาทกรรมนี้เสียเอง
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ได้โพสต์เฟสบุคระบุว่า เมื่อวันที่ 20-21 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนและนายรัชต์พงศ์ สร้างสุวรรณ สส.ตากได้เดินทางลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชน พบกับปัญหาที่สลับซับซ้อน ฝังรากลึก และสะท้อนความล้มเหลวของกลไกรัฐในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไทยอย่างเจ็บปวด
นายอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ(MWG) ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่เข้าใจพื้นที่ชายแดนและเร่งพิจารณาไม่รอบด้านโดยอ้างว่าแย่งงานคนไทยทำให้กระแสถูกตีกลับซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่แตกต่างจากที่เต้ อาชีวะออกมาเคลื่อนไหวเลย แทนที่จะพิจารณาว่าทำไมแรงงานข้ามชาติถึงทำงานแบบนี้ และการขาดมิติเรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างแรงงาน ผู้ลี้ภัยและเจ้าหน้าที่รัฐหรือนายจ้าง ทำให้มองว่าแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานเป็นฝ่ายกระทำต่อคนไทย
“ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือคนพม่าที่เข้ามา ขาดการอธิบายว่าสถานะของเขาเป็นใคร เป็นแรงงานข้ามชาติ หรือเป็นผู้ลี้ภัย ดังนั้นเมื่อเขาจำเป็นต้องอยู่รอดให้ได้ จึงต้องหางานทำเพื่อให้ตัวเองอยู่ได้ บางทีต้องทำบัตรตำรวจ ที่ผ่านมาคณะทำงานพรรคประชาชนก็ได้ศึกษาเรื่องนี้กันไปพอสมควร จึงเข้าใจว่าไม่ได้คุยแนวทางในพรรคกันให้ชัดเจน ผมไม่แน่ใจว่าการที่ทำกันเช่นนี้จะทำให้ สส.ในพื้นที่ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควร เพราะไม่แตกต่างจากนักการเมืองเดิมๆที่เล่นการเมืองเพื่อเอาใจฐานเสียงตัวเองในพื้นที่ เป็นผลกระทบระยะยาว เพราะมีการไล่จับแรงงานข้ามชาติมากขึ้น”นายอดิศร กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นการแก้ไขปัญหาสินบนหรือส่วย นายอดิศร กล่าวว่า ปัญหาของแม่สอดเป็นเรื่องของการบริหารจัดการระบบพื้นที่ชายแดน ดังนั้นจึงควรเข้าใจบริบทพื้นที่ให้ดีก่อน หากไม่เข้าใจเรื่องส่วยชายแดนในพื้นที่มากพอก็เท่ากับการแตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งเข้มงวดเท่าไรก็ยิ่งทำให้ส่วยทำงานได้เร็วขึ้น เจ้าหน้าที่ทางการก็ยิ่งเข้าไปจับแรงงานหรือผู้ลี้ภัยแล้วเรียกเงินได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงควรไปแก้ที่ตัวนโยบายหรือปัญหาที่ไม่เอื้อต่อชายแดนมากกว่า
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ให้สัมภาษณ์ว่า พบว่ามีการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลุ่ม ที่สร้างปัญหาให้ประชาชนตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมาก เนื่องจากการปล่อยปะละเลย การทำความผิดเป็นกลุ่มเป็นก้อน เช่น ค่าบัตรตำรวจหัวละ 600 บาท/เดือน ซึ่งมีจำนวนแรงงานต่างชาติในเขตแม่สอด 2 แสนราย ลงทะเบียนถูกต้อง 6 หมื่นราย เหลือ 1.4 แสนราย เดือนหนึ่งก็ 84 ล้าน คิดเป็นส่วยปีละเท่าไหร่“ความซับซ้อน คือปล่อยให้กลายเป็นขบวนการ ผมไม่ได้หมายถึงชนชาติใดชนชาติหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ผมจะยื่นให้กรมสืบสวนคดีพิเศษ (DSI) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ดำเนินการเพื่อเสนอแนะรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นทะเบียนแรงงานให้ตรงกับบริบทของ อ.แม่สอด ผมไม่ได้เพ่งโทษใคร แต่ความซับซ้อนนี้ควรอยู่ในมือดีเอสไอ ”นายวิโรจน์ กล่าว
“ความซับซ้อน คือปล่อยให้กลายเป็นขบวนการ ผมไม่ได้หมายถึงชนชาติใดชนชาติหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ผมจะยื่นให้กรมสืบสวนคดีพิเศษ (DSI) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ดำเนินการเพื่อเสนอแนะรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นทะเบียนแรงงานให้ตรงกับบริบทของ อ.แม่สอด ผมไม่ได้เพ่งโทษใคร แต่ความซับซ้อนนี้ควรอยู่ในมือดีเอสไอ ”นายวิโรจน์ กล่าว