Search

ตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐานใน 2 หนูน้อยเชื่อเหตุจากกินปลาแม่น้ำกก-ทางการสั่งปิดข่าว สส.-นักวิชาการจี้รัฐเร่งวางแผนรับมือความเสี่ยง-แนะทำบ่อบำบัดน้ำใช้ให้ชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 แหล่งข่าวจากอำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)เชียงใหม่ ได้แจ้งผลการตรวจค่าสารโลหะหนักของชาวบ้าน 4 รายในหมู่บ้านแก่งทรายมูล ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านแรกที่แม่น้ำกกไหลจากรัฐฉาน ประเทศพม่าเข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ผลปรากฏว่ามี 2 คนซึ่งเป็นเด็กอายุ 6 ขวบและ 2 ขวบ มีค่าสารหนูในร่างกายมากจนผิดปกติ ซึ่งจาการสอบถามทราบว่าเด็กทั้ง 2 รายได้กินปลาจากแม่น้ำกกอยู่เป็นประจำ

แหล่งข่าวกล่าวว่า จริงๆแล้วผลการตรวจพบค่าสารหนูมากผิดปกติในเด็กทั้ง 2 คนทราบผลกันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทางสสจ.ยังไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องนี้ และได้มีการประสานงานมายังอำเภอแม่อาย และทางอำเภอได้แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านแก่งทรายมูล เพื่อต้องการทราบรายละเอียดของเด็กทั้งสองคนเพิ่มเติม ทั้งนี้ผู้มีอำนาจในระดับจังหวัดได้สั่งกำชับไปที่อำเภอแม่อาย และทางอำเภอได้กำชับไปยังหมู่บ้านห้ามผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเผยแพร่ข้อมูลนี้ให้ผู้สื่อข่าวทราบโดยอ้างว่าจะทำให้ชาวบ้านแตกตื่นตกใจ

แหล่งข่าวกล่าวว่า จริงๆแล้วสารโลหะหนักในแม่น้ำกก นอกจากพบสารหนูเกินมาตรฐานแล้ว ยังพบสารตะกั่วและแมงกานีสเกินมาตรฐานด้วย แต่ที่ผ่านมาการตรวจผลกระทบต่างๆมักมุ่งไปที่สารหนูอย่างเดียว เช่นเดียวกับการนำปัสสาวะไปตรวจเพื่อตรวจสารหนูเป็นสำคัญ เพราะหากต้องการตรวจสารตะกั่วและแมงกานีส ทาง สสจ.ควรนำเลือดชาวบ้านในกลุ่มเสี่ยงไปตรวจด้วย

“ตอนนี้ทั้งผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรท้องถิ่นต่างรู้สึกเครียดเพราะถูกกดดันจากทั้งจังหวัดและอำเภอ เพื่อพยายามทำให้ผลกระทบต่างๆจากสารพิษในแม่น้ำกกเป็นเรื่องเล็ก ทั้งๆที่ส่งผลใหญ่หลวงกับชาวบ้าน ทั้งเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ เรื่องอาหารการกิน การปลูกพืชเกษตรกรรมต่างๆ ต่างมีปัญหาหมด แต่ทางการไม่มีแผนเข้าไปแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกอึดอัดมาก ตอนนี้ขนาดจะออกไปเดินประท้วงก็ทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ทางการสั่งห้ามหมด”แหล่งข่าว กล่าว

ด้านนายสมดุลย์ อุตเจริญ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน กล่าวว่า ได้ทราบเบื้องต้นจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีการตรวจพบสารหนูในเด็ก 2 คนมากผิดปกติ แต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าสูงระดับไหน และเรื่องนี้ไม่ควรมีการปกปิดข้อมูล ควรรีบแจ้งให้ประชาชนทราบเพื่อจะได้ป้องกันตัวเองและรับมือกับสถานการณ์ได้ และรัฐบาลควรวางแผนตรวจสุขภาพประชาชนตลอดริมแม่น้ำกกทั้งหมดโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่างๆ พร้อมทั้งหามาตรการแก้ไขและเยียวยา โดยนอกจากสารหนูแล้ว ควรตรวจสอบด้วยว่ามีสารโลหะหนักตัวอื่นด้วยหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่ามีการตรวจพบสารตะกั่วเกินมาตรฐานในแม่น้ำกกที่ ต.ท่าตอน

นายสมดุลกล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 17  มีนาคม 2568 ที่ชาวบ้านร้องเรียนให้มีการตรวจสอบแม่น้ำกกจนกระทั่งพบสารโลหะหนักที่มาจากการทำเหมืองในรัฐฉาน จนถึงวันนี้ผ่านไปแล้วราว 3 เดือน กลับยังไม่มีความคืบหน้าใดๆในการแก้ไขปัญหาจากภาครัฐ และรัฐบาลทำได้เพียงรายงานผลการตรวจต่างๆ แต่ไม่มีแนวทางยุติปัญหา หรือช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้าน

“ในเร็วๆนี้พวกเรา สส.ฝ่ายค้านอย่างน้อย 9 คน จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขเยียวยา เราต้องรีบเร่งแก้ไขปัญหาเพราะตอนนี้ชาวบ้านเครียดมาก เราต้องให้ความมั่นใจชาวบ้านที่กำลังวิตกกังวลว่ามีอะไรที่ช่วยเหลือเขาได้บ้าง”นายสมดุลย์ กล่าว

สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชนกล่าวด้วยว่า จริงๆแล้วพื้นที่ริมแม่น้ำกกควรมีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อที่สามารถนำมาช่วยเหลือประชาชนได้ แต่ทางจังหวัดก็ไม่ได้ดำเนินการ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยเยียวยาให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ

“ทุกวันนี้ชาวท่าตอนใช้น้ำจากแม่น้ำกกไม่ได้ ขณะที่บ่อบาดาล 146 บ่อ ชาวบ้านก็ไม่มั่นใจ เพราะแม้บางหน่วยงานเข้าไปตรวจแล้วแจ้งว่ายังใช้น้ำได้อยู่ แต่บ่อหลายแห่งเป็นบาดาลน้ำตื้นซึ่งมีความเสี่ยงที่น้ำจากแม่น้ำกกไหลเข้า ดังนั้นรัฐบาลน่าจะหาวิธีการบำบัดน้ำให้ชาวบ้านเพื่อให้มั่นใจในการใช้น้ำ เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งต้องซื้อน้ำใช้”นายสมดุลย์ กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.เสถียร ฉันทะ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย กล่าวว่า การตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐานในคน นั่นหมายความว่าสารโลหะหนักชนิดนี้ได้เข้าสู่คนแล้วแต่มากน้อยแค่ไหนต้องรอการเปิดเผยผลการตรวจ ซึ่งหน่วยงานราชการไม่ควรปกปิด การอ้างว่ากลัวชาวบ้านจะตื่นตระหนกนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ดี เพราะชาวบ้านควรได้รับรู้เพื่อที่จะได้จัดการกับชีวิตเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป้องกันหรือแก้ไข

“หน่วยงานราชการควรเร่งรัดทำแผนรับมือความเสี่ยงในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านเกษตรกรรม ด้านประมง เพื่อที่จะได้มีมาตรการแก้ไขปัญหาต่อไป ไม่ใช่คอยแต่ปกปิดข้อมูลเพราะถูกกดดันมาจากฝ่ายการเมืองที่กำลังสั่นคลอน” ผศ.ดร.เสถียร กล่าว

————-