Search

พระอาจารย์มหานิคมแนะ“สามัคคีธรรม”แก้ปัญหาสารพิษในน้ำกก ชี้ชาวบ้านทุกข์ทั้งกาย-ใจ ชาวนาหวั่นหนี้ซ้ำเหตุทำนาไม่ได้ นักวิชาการสะท้อนหลายมุมมอง-เชื่อสารพิษมาจากเหมืองแรร์เอิร์ท

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) จัดสัมมนาวิชาการ มลพิษข้ามพรมแดนห่วงโซ่อุปทานแร่และความมั่นคงแห่งรัฐ โดยในช่วงเช้าเป็นวงเสวนาข้อมูลและสถานการณ์แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก โดย ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคเพื่อสังคมศาสตร์และการพัฒนาที่ยั่งยืน (RCSD) คณะสังคมศาสตร์ มช.กล่าวว่า ยังไม่เคยเจอปัญหาที่หนักหน่วงขนาดนี้ มีความสลับซับซ้อนเรื่องของห่วงโซ่อุปทานแร่เข้าไปอยู่ในระบบการผลิตของอุตสาหกรรมประเภทไหนบ้าง ซึ่งการขุดแร่ต้องไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม

พระมหานิคม มหาภินิกฺขมโน กล่าวว่ามลพิษข้ามพรมแดนเป็นเรื่องใหญ่และซับซ้อน ปัญหาเกิดในพม่า พื้นที่การปกครองของว้า (United Wa State Army-UWSA) นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับมหาอำนาจอย่างจีนอีกด้วย จำเป็นจะต้องหาวิธีที่หลากหลายจากหลายหน่วยงานร่วมกัน ภาครัฐ เอกชน วิชาการ ในทางธรรมะเรียกว่าสามัคคีธรรมคือการร่วมมือทางความคิด สติปัญญาและกายในการจัดกิจกรรมลงไปแก้ไขปัญหา

“ตำบลท่าตอน เป็นพื้นที่แรกที่สารพิษเข้ามาสู่ประเทศไทย ขณะนี้ชาวบ้านได้รับผลกระทบทุกมิติ ไปจนถึงจ.เชียงราย คงได้รับผลกระทบคล้ายๆ กัน ญาติโยมทานอะไรในน้ำกกที่มีสารพิษ พระเองก็คงได้รับผลตรงนั้นด้วย ทุกข์ทางกายเข้าไปสู่ทุกระบบในชุมชน ทุกข์ทางใจหน่วยงานรัฐอาจยังไม่มีข้อมูลก็เลย ยังมองไม่เห็นว่าชาวบ้านเดือดร้อน แล้วฝนจะตกลงมาอีก นี่จะเข้าพรรษาอีกแล้ว ข้อมูลที่ชาวบ้านควรจะได้รับรู้ว่าน้ำกกที่บริโภคจะมีสารพิษหรือไม่ ปลา ผัก จะมีสารพิษไหม ความกังวลนี้เป็นความทุกข์ที่นับเป็นจำนวนได้ยาก ร่างกายที่ได้รับผลกระทบมาเกือบ 2 ปีจากสารเคมียังไม่ได้รับการตรวจ” พระมหานิคม กล่าว  

นายปฐมพงษ์ ฤทธิแผลง ประธานเครือข่ายเกษตรกรรมลุ่มน้ำกก เขื่อนเชียงราย ฝั่งขวา1 จ.เชียงราย กล่าวว่ามีพื้นที่ใช้น้ำจากเขื่อนเชียงรายในการเกษตรทั้งหมดมากกว่า 5.8 หมื่นไร่ ที่เป็นห่วงคือนาของเราได้รับผลกระทบ ในอีก 4-5 ปี จะเอาอะไรไปใช้หนี้ จะอยู่อย่างไรเพราะพื้นที่เราทำการเกษตร 99% ถ้าปีไหนไม่ได้ทำนาฤดูหนึ่งก็ไม่มีเงินจะไปใช้หนี้ ด้านสุขภาพก็เป็นห่วงเพราะมีแม่น้ำกกเป็นสายเลือด ไม่มีแม่น้ำไหนมาทดแทนได้นอกจากเจาะบ่อบาดาลทุกแปลงทุกนา ทุกวันนี้ต้องหาอะไรมาป้องกันแม้แต่ถุงมือเวลาไปสัมผัสน้ำ เรายังไม่รู้ว่าค่าเกินมาตรฐานเท่าไร” นายปฐมพงศ์ กล่าว  

นายณรงค์ศักดิ์ เตชะพันธุ์ ตัวแทนชาวบ้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า อ.เชียงแสน เป็นพื้นที่ปลายน้ำแต่ได้รับผลกระทบเยอะ โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูก 8,000 กว่าไร่  มีการเพาะพันธุ์หม่อนไหมแบบออร์แกนิคส่งออก น้ำเลี้ยงต้นหม่อนไหมจากน้ำกก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระเจี๊ยบเขียวที่ส่งออกไปญี่ปุ่น ชาวบ้านคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่คือถ้าเขายังสูบน้ำกกโดยที่รัฐยังไม่มีแหล่งน้ำสำรอง

ผศ.ดร.ว่าน วิริยา อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มช. กล่าวว่าตนมาเกี่ยวข้องเพราะมีเด็กจากร.ร.จุฬาภรณ์เชียงราย มาปรึกษาเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ว่าทำอย่างไรให้น้ำกกที่ปนเปื้อนสารโลหะหนักมาใช้ได้  สำหรับการทำเหมืองแร่แรร์เอิรท จะเจาะลงภูเขาเอากรดใส่ลงไป ส่วนมากเป็นซัลฟิวริกหรืออะไรที่จะหาได้ แล้วให้ไหลออกมาในอ่าง ใส่แมกนีเซียมซัลเฟตลงไปเพื่อให้ตกตะกอน เราก็ไม่รู้ว่าเขาใช้สารเคมีอะไร อาจเป็นด่างหรืออะไรที่ราคาถูก แล้วจึงมาทำกระบวนการเผา ให้ระเหิด ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศ

“ผมเชื่อมั่นว่ากรมควบคุมมลพิษรายงานตามความจริง แต่ใครที่บอกว่าค่าที่ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็คือมี เมื่อคำนวนทางพิษวิทยาว่าสารหนูเกิน ท่านที่บอกว่าค่าไม่เกิน ใช้ได้ แต่คือเป็นการสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะทำอย่างไรให้ลดลง เวลาอีก 6 เดือนหรือหนึ่งปี รัฐบาลจะทำให้พม่าหยุดเหมืองได้หรือไม่ ไม่มีทางเพราะต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นเราจะทำอย่างไรให้ปริมาณสารหนูลดลง เพื่อให้อยู่ได้”ผศ.ดร.ว่าน กล่าว

รศ. ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจฐานข้อมูลและระบบดิจิทัล สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่าตนทำงานนิติวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น เป้าหมายคือเพื่อให้ประชาชนได้รับการปกป้องจากระบบตามที่ควรจะเป็น กรณีแม่น้ำกกได้ตัวอย่างปลาแข้ที่ป่วยและมีชีวิต เป็น bio indicator ที่ดีมาก กระบวนการทำงานที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเฝ้าระวังมลพิษ ก่อนหน้านี้ได้ไปทำในพม่าที่รัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นเหมืองแร่แรร์เอิร์ท เป็นฐานข้อมูลที่เก็บมา 5 สถานี ซึ่งทำโดยการฉีดกรดเข้าไปละลาย ที่ต้นน้ำ ค่า pH 6.88 เมื่อไหลลงมาจุดสอง pH 3.7 คือเป็นกรดมากๆ  จุดสาม pH 4 และจุดสี่ก็เป็น pH 4 คือเมื่อไกลออกมาหลายกิโลเมตรแต่น้ำก็ยังคงเป็นกรด ซึ่งตามธรรมชาติไม่มีแร่ดิสโพเรียม หรือกัมมันตรังสี ฯลฯ แต่เมื่อผ่านเหมืองก็พบ

“คำถามแรกคือทำอย่างไรให้เจรจาเพื่อหยุดเหมืองได้ ที่เราได้คือแยกว่าเป็นแรร์เอิร์ท หรือทอง เพื่อนำไปสู่การพิสูจน์ว่ามาจากไหน หากได้ discharge น้ำที่ปล่อยจากเหมืองในพม่าก็จะตรวจได้ว่ามาจากเหมืองไหน เพื่อการเจรจาจะมีข้อมูลลึกอีก” ดร.ธนพล กล่าว

ดร.ธนพลกล่าวว่า ฟันธงได้ว่ามาจากพม่า เพราะต้นน้ำของเรามีค่าต่ำ แต่เมื่ออยู่ใกล้พม่ายิ่งค่าสูง พวกแรร์เอิร์ท มีกัมมันตรังสี radioactive สูงโดดมากเมื่อเทียบกับต้นน้ำของเรา 10-20 เท่า เราใช้ลายนิ้วมือแรร์เอิร์ทจากพม่าเทียบกันคือเหมือน 60-70% เพื่อเป็นข้อมูลให้รัฐบาลใช้เพื่อหารือเจรจากับพม่า

ช่วงบ่ายเสวนาต่อโดย นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.จ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ,อาภา หวังเกียรติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ

นางบ๊อบบี้ สตา.มาเรีย ผู้อำนวยการ Earth Rights International กล่าวว่า แรร์เอิร์ธได้รับการกล่าวถึงในแวดวงของการเปลี่ยนผ่านไปยังพลังงานสะอาด ถูกนำมาใช้เป็นกังหันลม แบตเตอรี่และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า สิ่งหนึ่งที่แร่แรร์เอิร์ธถูกนำไปใช้คือแม่เหล็ก จึงทำให้เกิดความต้องการใช้แร่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้

“การขาดความรู้ความเข้าใจในผลกระทบจากแร่แรร์เอิร์ธยังเป็นเรื่องสำคัญ จากสถิติยังพบว่าแร่นี้มาจากพม่า อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้แม่เหล็กทำให้ทราบว่าแร่ชนิดนี้จะต้องมาจากพม่าอย่างแน่นอน การทำเหมืองแร่นี้จึงควรประกอบกิจการภายใต้กฎเกณฑ์ที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและทำลายห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้นข้อกฎหมายทั้งหลายได้ครอบคลุมสิทธิของพี่น้องประชาชนหรือยัง ว่ากฎหมายบังคับใช้ในอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธระดับสากลยังมีช่องว่างด้านการเข้าถึงความยุติธรรม การเยียวยา หากเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม วันนี้ปัญหาการใช้กฎหมายควรถูกทบทวนว่าบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ และเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ในการเข้าถึงความยุติธรรมหรือไม่” ผอ.องค์กรสิ่งแวดล้อมกล่าว

ด้าน นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.จ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน กล่าวว่าถ้าไทยคุยกับเมียนมาอย่างเดียวไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดึงจีนเข้ามา พร้อมทั้งใช้กลไก LMC (Lancang-Mekong Corporation) เพื่อลงพื้นที่ตรวจเหมืองไปเลยจะได้เจาะจงว่าเหมืองไหนควรจะปิดไปเลย เหมืองไหนควรจะปิดชั่วคราว

“จีนพยายามยกตัวเองให้เป็น Green Supply Chain (ห่วงโซ่อุปทานสีเขียว) ผมว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จีนจะได้โชว์โลกว่าจะเป็นพระเอกอย่างที่คุณอยากจะเป็น นี่คือโอกาส อีกทั้งอเมริกาก็ออกมาส่งเสียงถึงเรื่องนี้ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก ต้องหาแต้มต่อในการเจรจาดีๆ แล้วพยายามดันจีนให้เป็นพระเอกในเรื่องนี้ แต่ที่เรากำลังพูดกันเป็นเรื่อง LMC ซึ่งผมคิดว่านี่ยังเป็นบันไดขั้นแรกในการแก้ปัญหา” สส.จ.เชียงใหม่ กล่าว