Search

กมธ.ความมั่นคงฯ ถกรับมือวิกฤตค่ายผู้ลี้ภัย 9 แห่ง ‘โรม‘ จี้หยุดซุกปัญหาใต้พรม สมช.เตรียมของบกลางช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม-หาแนวทางให้ออกมาทำงานได้

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้ประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากคำสั่งทางการบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต่อการระงับความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพโยกย้ายถิ่น ผู้หนีภัยการสู้รบ และผู้ลี้ภัยในเมือง ส่งผลกระทบถึงผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวชายแดนไทย-พม่า 9 แห่งประมาณ 1 แสนคน โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้ว่าราชการจังหวัดตาก

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ เปิดเผยก่อนการประชุมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรซุกปัญหาไว้ใต้พรมอีกแล้ว กมธ.ความมั่นคงฯ มีโอกาสเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่ค่ายแม่หละ จังหวัดตาก จึงรู้สึกว่าถึงเวลาจะต้องมีการจัดการเสียที ที่ผ่านมาเราส่งพวกเขาไปประเทศที่ 3 แต่สุดท้ายยังมีคนอีกจำนวนมากเกินหลักแสนคน ทราบว่าการทำงานเรื่องนี้มักจะมีคนบางกลุ่มโจมตีลดความน่าเชื่อถือ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่าการจัดการนี้จะไม่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ แต่จะได้ประโยชน์สูงสุด ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน ผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ของผู้หนีภัยการสู้รบสามารถไปด้วยกันได้ ขออย่าเอาประเด็นที่เราถูกสอนกันมาผิด ๆ โจมตีกัน

ทั้งนี้ในที่ประชุมตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานว่าผลกระทบการยุติความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของสหรัฐฯ สมช.ไม่ได้นิ่งนอนใจมีการจัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาพบว่าสิ่งที่ต้องมุ่งคือ ต้องดูแลด้านสาธารณสุขในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ทดแทน NGO และให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง การรักษาพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง ข้อกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด เพราะในอนาคตความช่วยเหลือจะมีแนวโน้มน้อยลง

“สมช.เห็นว่าควรทบทวนนโยบายการบริหารจัดการผู้หนีภัยการสู้รบทั้ง 9 แห่งในไทยซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ในระยะเร่งด่วนควรให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนประมาณการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น ค่าอาหาร น้ำดื่ม และเชื้อเพลิงนับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมที่ความช่วยเหลือจะสิ้นสุดลง สมช.จะพิจารณาเรื่องการของบประมาณกลางในระยะเร่งด่วน พร้อมทบทวนความเป็นไปได้ในการให้โอกาสผู้หนีภัยออกมาทำงาน ส่วนระยะยาวจะพิจารณาการแก้ไขกฎหมาย รูปแบบของงาน และพื้นที่ควบคุม หากจะให้ออกมาทำงานต้องทำรูปแบบไหน ระยะกลางจะกำหนดบทบาทวางแผนให้ชัดเจนว่าโอกาสในการทำงานมีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด นำไปสู่ระยะต่อไปปิดพื้นที่พักพิงหรือเหลือไว้บางส่วนสำหรับบางคนที่ไม่สามารถออกไปทำงานได้ เช่น คนชรา หรือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ”ผู้แทนสมช. กล่าว

นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ กล่าวว่าการพึ่งพาตนเองเป็นเรื่องสำคัญ การนำเสนองบประมาณต่อรัฐบาลเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็อาจจะเป็นปัญหา เนื่องจากสังคมไทยจะยังไม่เข้าใจ หากไม่บริหารจัดการอย่างรวดเร็วถูกต้องตามกฎหมายก็จะเกิดปัญหาตามมา

ขณะที่ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าสหภาพยุโรปกับสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันที่ช่วยเหลือผู้หนีภัยต่อไป แต่ไม่สามารถทดแทนความช่วยเหลือจากสหรัฐฯได้เนื่องจากเป็นความช่วยเหลือปริมาณมาก และเขาต้องมีการทบทวนท่ามกลางบริบทของรัสเซีย-ยูเครน และสหรัฐฯ ลดความช่วยเหลือกับสภาพยุโรปด้วย ส่วนญี่ปุ่นยืนยันจะให้การช่วยเหลือต่อไป และจะพิจารณาการรับคนเข้าประเทศ 60 คนต่อปีอย่างที่เคยทำ

On Key

Related Posts

เร่งแก้ไขน้ำประปาปนเปื้อน 18 หมู่บ้าน นายก อบจ.เชียงรายเผยระบบไม่ได้มาตรฐาน-เตรียมปรับปรุงเพิ่ม-คพ.ส่งทีมตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมด-เบื้องต้น 3 หมู่บ้านไม่พบสารโลหะหนัก-สำรวจหาแหล่งน้ำสะอาดแห่งใหม่