
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เหลืออีกเพียง 10 วันที่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในค่ายผู้ลี้ภัย 9 แห่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า จะต้องยุติภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ตัดงบประมาณความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทำให้องค์กรสาธารณกุศลระหว่างประเทศคือ TBC (The Border Consortium) และ IRC (International Rescue Committee) ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณต้องประกาศยุติความช่วยเหลือในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ส่งผลให้ผู้ลี้ภัยไม่ต่ำกว่า 100,000 คนกำลังจะขาดแคลนอาหาร และเกิดปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยรวมถึงปัญหาด้านสุขภาพ
นายอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group-MWG ) ให้สัมภาษณ์ว่าเท่าที่ได้ฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาของผู้แทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฎิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พบว่าได้แบ่งการแก้ปัญหาออกเป็น 3 ช่วง โดยระยะเร่งด่วนหรือระยะสั้นคือหางบประมาณมาช่วยเหลือในเบื้องต้น ซึ่ง สมช.อาจเสนอให้รัฐบาลใช้งบกลาง ส่วนระยะกลางคือการผ่อนผันให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงฯได้ออกมาทำงานภายนอก และระยะยาวคือการสนับสนุนให้ไปประเทศที่ 3 หรือกลับถิ่นฐานเดิม
“จริงๆเรื่องการทำงานนอกค่าย ควรสนับสนุนให้พวกเขาออกมาตั้งนานแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายทั้งด้านอาหารและสุขภาพที่ TBC และ IRC จ่ายแต่ละเดือนค่อนข้างสูง หากเขาออกไปทำงานจะช่วยลดภาระได้เยอะ แต่พอเรื่องนี้ถูกจัดลำดับให้เป็นการแก้ไขปัญหาระยะกลาง อาจทำให้ระยะแรกมีปัญหาได้ ผมคิดว่ารัฐบาลควรมีแผนตั้งแต่วันนี้ เพราะส่วนราชการมักเสนอกันคนละแบบ ทำให้ไม่มีความชัดเจน ตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังรออยู่ว่า สมช.จะดำเนินอย่างไร แต่ยิ่งช้าก็ยิ่งเป็นภาระต่องบประมาณ”นายอดิศร กล่าว
นายอดิศรกล่าวว่า การผ่อนปรนให้ผู้ที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยออกมาทำงานด้านนอกนั้น สามารถทำได้เลยโดยใช้ช่องทางของ พรบ.คนเข้าเมือง และ พรบ.การทำงานของคนต่างด้าว โดยกำหนดสถานะเหมือนกับคนที่รอการส่งกลับ และออกมติ ครม.รอบรับอนุญาตให้ทำงานชั่วคราว เพียงแต่ต้องร่วมกันออกแบบเรื่องการหางานและพื้นที่ทำงาน ซึ่งอาจกำหนดว่าออกมาทำงานได้โดยให้นายจ้างมาแจ้งความต้องการหรือไม่ก็ให้ผู้ลี้ภัยออกมาหานายจ้างก่อนแล้วยื่นเรื่องแจ้งไว้
“ทุกวันนี้คนในค่ายก็ออกมาทำงานอยู่แล้ว เขามีเครือข่ายกันอยู่แล้ว เพียงแต่ในแง่นโยบายรัฐบอกเช่นนั้นไม่ได้เพราะห้ามเขาออกจากค่าย ที่สำคัญควรกำหนดระยะเวลาครั้งละกี่วันหรือกี่เดือน หากทำงานครบกำหนดก็ให้มารายงานตัว”นายอดิศร กล่าว
ผู้ประสานงาน MWG กล่าวว่า เชื่อว่าการผ่อนผันให้ผู้ลี้ภัยออกมาทำงานนั้น จะไม่แย่งงานคนไทย เพราะมีหลายกิจการที่ยังขาดแคลนแรงงาน และเชื่อว่าคนกลุ่มนี้ก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ เพราะแม้เป็นผู้ลี้ภัย แต่ไม่ใช่เป็นกองกำลังติดอาวุธ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดาที่หนีภัยการสู้รบเข้ามา ที่สำคัญคือเขามีลูกหลานเติบโตในค่าย ดังนั้นการใช้ความรุนแรงแทบไม่มีเลย การเกิดในค่ายทำให้ความผูกพันกับไทยมีในตัวอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่น่ากังวล ยิ่งให้พวกเขาได้เข้าสู่ระบบก็ยิ่งจะปลอดภัยยิ่งขึ้น ดีกว่าปล่อยให้พวกเขาหนีออกไปทำงานเองเพราะไม่มีข้าวกิน
“เท่าที่เห็นท่าทีของกระทรวงมหาดไทย เขาก็เห็นด้วย เพราะมันถึงทางตันในการพึ่งพาต่างประเทศแล้ว เพียงแต่เขาไม่สามารถมีนโยบายได้โดยตรง แต่ต้องพึ่ง สมช. แต่ที่ผมอยากเห็นคือมหาดไทยควรสำรวจประชากรในค่ายให้ชัดเจน เพราะขณะนี้คนที่อยู่ภายในระหว่างตัวเลขของรัฐกับที่อยู่มีอยู่จริงนั้น ไม่ตรงกัน จึงควรสำรวจสร้างเป็นฐานข้อมูลไว้ให้ครบ และควรเก็บเอกลักษณ์บุคคลไว้”นายอดิศร กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงมหาดไทยได้รายงานในที่ประชุม กมธ.ความมั่นคงฯว่า ปัจจุบันมีประชากรในศูนย์พักพิงชั่วคราวใน 4 จังหวัด (ตาก, แม่ฮ่องสอน, กาญจนบุรี, ราชบุรี) 77,728 คน(ขณะที่ TBCแจ้งว่ามีกว่า 1 แสนคน) โดยตั้งแต่ปี 2547-2568 มีผู้ลี้ภัยไปประเทศที่ 3 แล้ว 139,064 คน ส่วนใหญ่ไปสหรัฐอเมริกา และมีการส่งกลับภูมิลำเนา (repatriation) 1,039 คน
สำหรับงบประมาณได้รับการสนับสนุนจาก 13 องค์กรเอกชน ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อปี (IRC ประมาณ 500 ล้านบาท, TBC ประมาณ 800 ล้านบาท) โดยผลกระทบจากการตัดงบประมาณของสหรัฐฯ ทำให้ IRC ลดงบประมาณลง 14 ล้านบาทต่อเดือน(ด้านสุขภาพ) และ TBC ลดงบประมาณลง 40 ล้านบาทต่อเดือน (ค่าอาหาร) รวมประมาณ 54 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะที่ผู้แทน TBC ชี้แจงกับ กมธ.ความมั่นคงว่า งบประมาณ TBC: ประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ใช้สำหรับอาหาร ที่พักอาศัย และการบริหารจัดการมาจากสหรัฐฯ 60% ที่เหลือมาจากสหราชอาณาจักร ออสเตรเลียและ นิวซีแลนด์ โดยปัจจุบันใช้ประมาณ 40 ล้านบาทต่อเดือนสำหรับอาหารและเชื้อเพลิง และหลังวันที่ 31 กรกฎาคม งบประมาณจากสหรัฐฯ จะเป็น 0 บาท แต่จะจัดสรรงบประมาณภายในองค์กร 4 ล้านบาทต่อเดือนสำหรับกลุ่มเปราะบางที่สุด (ประมาณ 15%ของประชากรทั้งหมด)
——-