Search

ผู้ลี้ภัยในหลายพื้นที่ทั่วพม่าวิกฤตหนัก ขาดแคลนอาหาร-ที่พักพิงขาดแคลนอาหาร-ที่พักพิง

สำนักข่าว Karen Information Center รายงานเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ว่า มีชาวบ้านที่ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในราว 3,000 คน ได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวรอบนอกของเมืองตองอู เขตพะโค และผู้ลี้ภัยเหล่านี้กำลังต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารและที่พักพิงอย่างเร่งด่วน โดยผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้รับผลกระทบหลังจากเกิดสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและฝ่ายต่อต้านที่เกิดขึ้นทางตะวันออกของแม่น้ำซิตต่าว ในเขตเมืองตองอู เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุสู้รบกัน กองทัพพม่าได้ลงมือเผาทำลายหลายหมู่บ้านในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านต้องพลัดถิ่นไม่มีที่อยู่ และจัดตั้งศูนย์พักพิงทางตะวันตกของแม่น้ำซิตต่าว ซึ่งตั้งอยู่รอบนอกของเมืองตองอู

หลังเกิดการปะทะกัน เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้ทำการเผาทำลายบ้านเรือนอีก 700 หลังคาเรือนที่หมู่บ้าน ‘สะปาจีเว’ และหมู่บ้าน ‘มะยีปินนิน’ รวมไปถึงทางตะวันออกของแม่น้ำซิตต่าว ทำให้ชาวบ้านต้องหนีอพยพอีกครั้งไปยังค่ายผู้พลัดถิ่นภายใน ใกล้กับเมืองตองอู ขณะที่อาสาสมัครในค่ายแห่งนี้ เผยว่า ผู้ลี้ภัยสงครามกำลังต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารอย่างเร่งด่วน และคนเหล่านี้ไม่สามารถกลับภูมิลำเนาของตนได้ เนื่องจากบ้านถูกเผาทำลายลงและยังคงเกิดเหตุสู้รบในพื้นที่

อาสาสมัครยังเปิดเผยว่า ผู้ลี้ภัยสงครามต้องพึ่งพาจากการบริจาคเป็นส่วนใหญ่

“ชาวบ้านยังคงต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร หลายคนสูญเสียบ้านเรือนในเหตุเพลิงไหม้และไม่มีที่ไป พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในกระท่อมชั่วคราว การจะหางานก็ยากลำบาก จึงกระทบกับการหาทางเลี้ยงชีพ” อาสาสมัครกล่าว

ขณะที่ผู้พลัดถิ่นจากสงครามยังคงต้องดิ้นรนกับสภาพความเป็นอยู่ เนื่องจากตอนนี้เข้าสู่ฤดูฝน กระท่อมชั่วคราวที่สร้างขึ้นไม่สามารถปกป้องผู้ลี้ภัยสงครามได้อีกต่อไป เหตุการณ์ลักษณะนี้ ยังเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ โดยสื่อคะเรนนี CTER – Karenni และสำนักข่าว Tai TV Online รายงานว่า เนื่องจากการเข้ามาเสริมกำลังทหารพม่า ทำให้ชาวบ้านราว 1,000 คน ที่อาศัยอยู่ตามทางหลวงเมืองหลอยก่อ – เมืองปาย หรือเมืองโมเป่ ได้อพยพออกจากในพื้นที่อีกครั้ง และขณะนี้กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดย Jobs For Kayah ซึ่งทำงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในพื้นที่กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ชาวบ้านจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหน เนื่องจากพื้นที่สำหรับหลบหนีกำลังจำกัด และชาวบ้านเหล่านี้ ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ที่จะใช้สร้างเป็นที่พักพิงชั่วคราว ในขณะที่เข้าสู่ฤดูฝน

ชาวบ้านที่หลบหนีออกมาเหล่านี้ เป็นชาวบ้านรวม 100 หลังคาเรือน มีอยู่ราว 1,000 คน และจำนวนนี้ยังพบมีเด็กรวมอยู่ด้วย รวมถึงมีผู้ป่วยจากไข้หวัด และผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนใหญ่ โดยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กองทัพพม่าสามารถยึดเส้นทางสายหลักเชื่อมเมืองหลอยก่อ – เมืองปาย (โมเป่) ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกของเมืองผายขุน (เป่โข่ง) นับหมื่นคนอพยพออกจากพื้นที่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยหลบหนีอยู่ตามป่าและตามไร่นา และบางส่วนยังติดค้างอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพฝ่ายต่อต้าน ด้ชาวบ้านในพื้นที่ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว SHAN ว่า กองทัพพม่าได้ใช้ปืนใหญ่โจมตีตามชุมชนและตามป่าเขาโดยไม่เลือก สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ กองทัพพม่าได้ปิดเส้นทางที่ใช้สัญจร ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถหลบหนีตามเส้นทางหลักได้ ชาวบ้านบางส่วนแสดงความเป็นห่วงว่า หากสงครามยืดเยื้อ จะทำให้ชาวบ้านไม่สามารถทำนาและเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวในอนาคต และเป็นห่วงเรื่องความเป็นอยู่และด้านสุขภาพในหน้าฝนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

ด้านชาวบ้านในพื้นที่ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว SHAN ว่า กองทัพพม่าได้ใช้ปืนใหญ่โจมตีตามชุมชนและตามป่าเขาโดยไม่เลือก สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ กองทัพพม่าได้ปิดเส้นทางที่ใช้สัญจร ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถหลบหนีตามเส้นทางหลักได้ ชาวบ้านบางส่วนแสดงความเป็นห่วงว่า หากสงครามยืดเยื้อ จะทำให้ชาวบ้านไม่สามารถทำนาและเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวในอนาคต และเป็นห่วงเรื่องความเป็นอยู่และด้านสุขภาพในหน้าฝนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

ภาพจาก Tai TV News Online

On Key

Related Posts

นักวิชาการแนะรัฐไทยเร่งหารือประเทศลุ่มน้ำโขงหลังตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน จ.เลย-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม ภาคประชาชนจี้รัฐแจ้งความจริงให้ชาวบ้านทราบ-หาแนวทางปฎิบัติ-หวั่นหลายเมืองใช้น้ำโขงผลิตน้ำประปาได้รับผลกระทบ