เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่ริมแม่น้ำกก ชุมชนป่าแดง นครเชียงราย ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และนส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) และ International Rivers ได้ลงพื้นที่เพื่อดูสถานการณ์แม่น้ำกก หลังจากพายุวิภาเข้าทางตอนเหนือของลาว ไทย และพม่า ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำกก สาย โขง เพิ่มปริมาณอย่างต่อเนื่องและท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขต อ.แม่สาย ในขณะที่แม่น้ำกกมีปริมาณการไหลเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ทำให้โรงเรียนหลายแห่งประกาศงดการเรียน หรืออนุญาตให้นักเรียนเดินทางกลับบ้านได้ตั้งแต่ช่วงสายเพื่อความปลอดภัย
นส.เพียรพร กล่าวว่าการรับมือของประชาชน จ.เชียงราย และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีการประสานงานข้อมูลระดับน้ำ ติดตามกันอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่บ้านแก่งทรายมูล ต.ท่าตอน ซึ่งมีการติดตั้งเสาวัดระดับน้ำของชุมชนร่วมกับสำนักอุทกวิทยา เห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนมีความตื่นตัวและได้เรียนรู้จากเหตุการณ์เมื่อปี 2567 แต่ข้อกังวลในขณะนี้คือที่ต้นน้ำมีการทำเหมืองเถื่อนในเขตรัฐฉาน ซึ่งมีทั้งเหมืองทองคำ และเหมืองแร่แรร์เอิร์ท ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ตรวจคุณภาพน้ำ พบสารโลหะหนักในแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งสารหนู (As) ตะกั่ว และแมงกานีส ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงแต่อย่างใด
“อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในฤดูฝนปีนี้มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นจากมลพิษข้ามพรมแดน ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน public health ที่นานาชาติให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ” นส.เพียรพร กล่าว
ดร.สืบสกุล กล่าวว่าเข้าใจว่าในต้นเดือนสิงหาคมรัฐบาลมีกำหนดที่จะไปเจรจากับเมียนมา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำกรณีน้ำท่วมและโคลนพิษ ไปคุยกับฝ่ายเมียนมา การเดินทางไปเจรจากับเมียนมาเป็นวาระที่สำคัญมากซึ่งภาคประชาชนและนักวิชาการยินดีสนับสนุนข้อมูล และเฉพาะหน้าขณะนี้จำเป็นต้องตรวจว่าน้ำที่หลากท่วมนี้มีสารหนูและสารโลหะหนักปนเปื้อนอย่างไรเท่าไหร่ ที่แม่สายมีโคลนหลากท่วมสร้างความเสียหาย ต้องมีวิธีการแจ้งให้ประชาชนทราบว่าการล้างโคลนต้องทำอย่างไร จะมีสารพิษหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ที่ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของแม่น้ำกกทำให้ชาวบ้านต่างรู้สึกกังวล และพากันออกมายืนดูแม่น้ำกกกันตลอดลำน้ำโดยเฉพาะในเขตตัวเมืองเชียงราย ขณะนี้มีร้านอาหารและบ้านเรือนบางส่วนที่อยู่ในพื้นที่ต่ำถูกน้ำท่วมแล้ว
ขณะเดียวกันได้เกิดปัญหาที่บริเวณใต้สะพานศูนย์ราชการใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการก่อสร้างเพื่อเชื่อมต่อสะพานสองฝั่งให้เป็นสะพานเดียวกัน โดยทางผู้รับเหมาได้ก่อสร้างสะพานเหล็กสำหรับอำนวยความสะดวกให้คนงานในการก่อสร้าง แต่กลับไม่มีการรื้อถอนแม้หลายฝ่ายได้แจ้งเตือนว่าในฤดูฝนให้เฝ้าระวังน้ำใหญ่จากต้นแม่น้ำกก ดังนั้นตั้งแต่ช่วงเช้าที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นพร้อมกับมีเศษไม้และขยะจำนวนมหาศาลลอยมาด้วย จึงทำให้ติดอยู่ที่สะพานเหล็กเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกั้นขวางทางน้ำซึ่งทางผู้รับเหมาพยายามใช้รถแบคโฮมาตักออก แต่ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากกระแสน้ำรุนแรงมาก โดยเรื่องนี้ชาวบ้านที่ไปดูเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้รับเหมาและภาคส่วนราชการที่รับผิดชอบว่าไม่มีความพร้อมในการรับมือน้ำท่วม
ทั้งนี้เพจระบบเตือนภัยและแนวทางป้องกันน้ำท่วมในเขตเมือง จังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาเชียงราย รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 18:00 น.โครงการวิจัยฯ คาดการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำกก ระดับน้ำที่สถานีแม่นาวาง-ท่าตอน กำลังลงอย่างต่อเนื่อง ชั่วโมงละ 6-7 ซม. ตอนนี้อยู่ที่ระดับ 6.34 ม. (ตลิ่ง 6.50 ม.) ระดับน้ำ ที่สถานีสะพานพ่อขุนฯ อ.เมือง จ.เชียงราย ระดับ 6.06 ม. กำลังลดลง (ตลิ่ง 6.00 ม.) คาดการณ์ว่าระดับน้ำที่สถานีสะพานพ่อขุนฯ จะลดลงต่ำกว่าค่าตลิ่งในคืนนี้ ปริมาณการไหลของน้ำ 655 ลูกบาศก์เมตร/วินาที