เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าว Irrawaddy รายงานว่ากองทัพพม่า หรือในชื่อ สภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council -SAC) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น คณะความมั่นคงและสันติภาพแห่งชาติ (National Security and Peace Commission) ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่จัดขึ้นที่กรุงเนปีดอว์ เมืองหลวงของพม่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ผ่านมา
มีรายงานว่า คณะกรรมการ 10 คนนั้น นำโดย พล.อ.มินอ่องหลาย และผู้บัญชาการทหารหมายเลข 2 คือพลเอกโซวิน และนายพลคนอื่นๆที่อยู่ในคณะ SAC อย่างไรก็ตาม สมาชิกคนใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในคณะนี้คือนายพลจ่อส่าลิน ผู้นำทหารที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการให้ใช้อาวุธโจมตีกลุ่มผู้ประท้วงเมื่อปี 2564 ทั้งนี้พล.อ. มินอ่องหลาย ในฐานะรักษาการประธานได้ประกาศว่า คณะความมั่นคงและสันติภาพแห่งชาติมีหน้าที่กำกับดูแล การป้องกันประเทศ ความมั่นคง สันติภาพ และเสถียรภาพ และการจัดการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
การจัดตั้งคณะความมั่นคงและสันติภาพแห่งชาติในครั้งนี้ ถือเป็นการสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 และถือว่าสิ้นสุดการประกาศภาวะฉุกเฉินในประเทศที่ขยายระยะเวลาออกไปอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2551 ที่เขียนโดยกองทัพพม่าระบุว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีถือเป็นตำแหน่งสูงสุดในคณะรัฐมนตรี หากไม่มีประธานาธิบดี รักษาการจะดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งสมาชิกที่มีตำแหน่งสูงสุด ก็คือ พล.อ.มินอ่องหลาย ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีมานับตั้งแต่นายมิ้นฉ่วย อดีตประธานาธิบดีรักษาการได้ล้มป่วยลง
ขณะที่จีนได้กล่าวเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า จีนสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่าในการแสวงหาทางออกที่สันติ หลังจากที่รัฐบาลทหารพม่าได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินและเร่งรัดแผนการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมนี้ โดยจีนระบุว่า สนับสนุนกลุ่มต่างๆในพม่าในการแก้ไขความขัดแย้งอย่างเหมาะสมด้วยวิธีการทางการเมืองภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
“เราพร้อมที่จะส่งเสริมการเจรจาสันติภาพต่อไป โดยคำนึงถึงความต้องการของฝ่ายต่างๆในพม่า โดยมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการฟื้นฟูเสถียรภาพในพม่า” นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวอีกด้านหนึ่ง สื่อไทใหญ่ Ngao Leng Mun Mai รายงานว่า เช้าวันเดียวกันเวลา 09.00 น.กองทัพพม่าได้ใช้ปืนใหญ่โจมตีไปทั่วที่ตำบลหนองปิ๋ง เขตเมืองจ๊อกเม ทางเหนือของรัฐฉาน โดยกองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากไม่ปลอดภัย และที่ตำบลหนองปิ๋งนั้นได้รองรับผู้ลี้ภัยสงครามจากพื้นที่อื่นๆ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุกราดยิงปืนใหญ่ ทำให้ผู้ลี้ภัยสงครามต้องอพยพอีกรอบ และกำลังได้รับความเดือดร้อนในการหาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับอยู่อาศัยรวมถึงเรื่องอาหาร
อีกด้านหนึ่ง สื่อไทใหญ่ Ngao Leng Mun Mai รายงานว่า เช้าวันเดียวกันเวลา 09.00 น. กองทัพพม่าได้ใช้ปืนใหญ่โจมตีไปทั่วที่ตำบลหนองปิ๋ง เขตเมืองจ๊อกเม ทางเหนือของรัฐฉาน โดยกองทัพพม่าได้ยิงปืนใหญ่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากไม่ปลอดภัย และที่ตำบลหนองปิ๋งนั้นได้รองรับผู้ลี้ภัยสงครามจากพื้นที่อื่นๆ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุกราดยิงปืนใหญ่ ทำให้ผู้ลี้ภัยสงครามต้องอพยพอีกรอบ และกำลังได้รับความเดือดร้อนในการหาพื้นที่ปลอดภัยสำหรับอยู่อาศัยรวมถึงเรื่องอาหาร
