Search

จี้แก้ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ในค่ายผู้ลี้ภัยหลังถูกตัดงบความช่วยเหลือ เผยชาวเมียนมาร์มีความรู้ความสามารถโดยตรงแต่ทำงานไม่ได้ เหตุติดขัดกฏหมายไทย กมธ.ความมั่นคงเสนอเร่งตั้งศูนย์ประสานข้อมูล 9 ค่าย

วันที่ 7 สิงหาคม 2568 นายมานพ คีรีภูวดล รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมที่ติดตามความคืบหน้าแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากคำสั่งทางการบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต่อการระงับความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพโยกย้ายถิ่น ผู้หนีภัยการสู้รบ ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวและผู้ลี้ภัยในเมืองของประเทศไทย ทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว ซึ่งได้ดูรายละเอียดร่วมกันว่าทางปฏิบัติต้องจัดการอย่างไร โดยคณะอนุกรรมการของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ได้มีการมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับสภากาชาดดูแลการสนับสนุนอาหาร

“แต่ปัญหาคือยังไม่มีหน่วยงานประสานว่าแต่ละค่ายฯของทั้ง 9 ค่าย ต้องการอาหาร ข้าวสาร เท่าไหร่  ข้อเสนอที่ประชุมคือต้องมีหน่วยประสานงานค่ายต่างๆ จาก จ.แม่ฮ่องสอนถึงราชบุรี ว่าแต่ละค่ายต้องการอะไรเป็นการเร่งด่วน ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ขาดข้าวสารเท่าไหร่ สมช.ชุดเล็กได้มอบนโยบายแล้วแต่ยังขาดการประสานงาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เรามีอยู่แล้ว องค์กร TBC (The Border Consortium)และ IRC (International Rescue Committee) ซึ่งได้ดูแลมาก่อนหน้านี้จนกระทั่งยุติเงินบริจาคก็มีข้อมูล”นายมานพ กล่าว

รองประธานกมธ.ความมั่นคง กล่าวว่าสำหรับข้อเสนอผ่อนปรนให้ผู้ลี้ภัยออกมาทำงานด้านนอกนั้น จริงๆแล้วส่วนราชการควรดำเนินงานได้เลย โดยมีมหาดไทยเป็นหลัก เพียงแต่การให้ผู้ลี้ภัยสามารถออกมาทำงานพื้นที่ใกล้เคียงค่ายฯ หรือการออกไปทำงานข้างนอก ต้องมีการหารือโดย สมช.ชุดใหญ่ ขณะที่การดูแลสุขภาพในค่ายนั้น มีผู้ลี้ภัยจากเมียนมาที่มีวิชาชีพเหล่านี้อยู่ซึ่งสามารถทำหน้าที่ทดแทนส่วนที่ขาดได้ แต่กฎหมายของ แพทย์สภาห้ามไว้ เพราะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งต้องสอบภาษาไทย สมช.ก็สะท้อนว่าข้อจำกัดเหล่านี้คือหน่วยงานเสนอมา เช่น ให้บุคลากรชาวเมียนมาช่วย แต่กระทรวงเองก็มีระเบียบห้ามไว้การดำเนินกานจึงยาก

“วันนี้กาชาดบอกว่าการทำงานกับโรงพยาบาลแม่สอด มีการจ้างหมอพม่า ซึ่งมีใบประกอบอาชีพของพม่าเอง ก็มีการจ้าง 3-4 คน ดังนั้นหากสมช.จะพิจารณาให้ทำได้ในสถานการณ์เร่งด่วนได้หรือไม่ ให้บุคลากรที่มีทักษะพิเศษที่เราขาดแคลน เช่น หมอ วิศวกร ให้ดึงมาช่วยพนักงานราชการของไทยได้อย่างไร”นายมานพ กล่าว

นายมานพกล่าวว่า ในวันที่ 8 สิงหาคมจะมีการประชุมคณะกรรมการ สมช.ชุดใหญ่ แต่ได้ข่าวมาว่าจะเน้นเรื่องกัมพูชาแต่ยังไม่มีวาระเรื่องผู้ลี้ภัยซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังสามารถอาศัยมติของคณะอนุกรรมการ สมช. ที่ประชุมไปแล้วเป็นแนวทางได้

ขณะที่ข่าวประชาสัมพันธ์ของคณะ กมธ.ได้รายงานว่า คณะกมธ.ได้มีเสนอ 2 ข้อดังนี้ 1. ขอให้มีการอบรมผู้ลี้ภัยให้เกิดความเชี่ยวชาญ และสามารถเป็นอาสาสมัครในทางการแพทย์และด้านการศึกษาได้ รวมทั้งดำเนินการสนับสนุนด้านการศึกษาควบคู่กันไป เน้นการสอนภาษาไทยเพิ่มเติมเป็นหลักด้วย โดยกระทรวงแรงงานได้รับข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการเรื่องการรับแรงงานฝีมือ แต่ต้องรอมติ สมช.ชุดใหญ่ก่อน

2. ขอให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานกลาง โดยให้สภาความมั่นคงแห่งชาติหรือกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแลเพื่อให้ทราบความต้องการและจะช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง

“คณะ กมธ. จะติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจะทำหนังสือด่วนถึงรัฐบาลเพื่อให้ดำเนินการตามที่คณะ กมธ. เสนอเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป”ในข่าวประชาสัมพันธ์ระบุ

On Key

Related Posts

เร่งแก้ไขน้ำประปาปนเปื้อน 18 หมู่บ้าน นายก อบจ.เชียงรายเผยระบบไม่ได้มาตรฐาน-เตรียมปรับปรุงเพิ่ม-คพ.ส่งทีมตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมด-เบื้องต้น 3 หมู่บ้านไม่พบสารโลหะหนัก-สำรวจหาแหล่งน้ำสะอาดแห่งใหม่