Search

นักวิชาการ-ภาคประชาชนร่วมค้าน“ม่านดักตะกอนพิษ”ของกรมทรัพยากรน้ำ เชื่อใช้การไม่ได้จริงในแม่น้ำกก-หวั่นยิ่งสร้างปัญหา-กีดขวางทางน้ำ

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 รศ.ดร.ชูโชค อายุพงศ์ อาจารย์วิศวกรรมโยธาและหัวหน้าศูนย์วิจัยด้านการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสเฟสบุคเนื้อหาว่า จากกระแสข่าวมีหน่วยงานจะทำม่านดักตะกอนสารพิษโลหะหนักในแม่น้ำกก แทนฝายดักตะกอนที่ถูกคัดค้านจนยกเลิกไป ซึ่งระบบม่านดักตะกอน (Silt curtain system) โดยทั่วไปผลิตจากโพลีเอสเตอร์ที่มีความเหนียวสูงแบบถักทอ พร้อมอุปกรณ์ทุ่นลอยและตัวถ่วงชุดม่านดักตะกอนลงในน้ำ

“ม่านดักตะกอนจะถูกติดตั้งในน้ำ ใช้การป้องกันยับยั้งแพร่กระจายของสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้น และใช้ลดผลกระทบจากการฟุ้งกระจายของตะกอนในช่วงเวลาที่มีกิจกรรม ส่วนใหญ่ใช้บริเวณชายฝั่งทะเล และงานก่อสร้างริมแม่น้ำ เช่น การดูดตะกอนในบึงน้ำ หรือการดักสิ่งปนเปื้อนจากกิจกรรมต่างๆ ม่านดักตะกอนไม่เหมาะสมที่จะใช้ดักตะกอนในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว และมีตะกอนแขวนลอยจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงน้ำหลากจะมีตะกอนและสารพิษโลหะหนักหลุดออกไปได้อย่างมาก ประสิทธิภาพที่ดักตะกอนได้จะมีน้อย รวมถึงม่านจะกลายเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำทำให้น้ำยกตัวและจะเสียหายพังทลายเมื่อเจอสวะท่อนไม้ไหลมาชน” รศ.ชูโชคระบุ

นส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) และ International Rivers กล่าวว่าปัญหามลพิษที่กำลังเกิดขึ้นนี้มาจากการทำเหมืองแร่ต่างๆ รวมทั้งแร่แรร์เอิร์ท ในรัฐฉาน ที่ปราศจากมาตรการจัดการสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการปนเปื้อนในแม่น้ำถึง 4 สาย คือกก สาย รวก โขง ที่มีปริมาณน้ำมหาศาลและมีการปนเปื้อนสารโลหะหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการตรวจของคพ.และ MRC โดยล่าสุดรายงานของ คพ. ระบุว่าผลคุณภาพน้ำบริเวณที่ติดกับพรมแดนพม่า ทั้งแม่น้ำกก (อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่) และแม่น้ำสาย จ.เชียงราย ยังพบว่ามีค่าความขุ่นสูง ทุกจุดตรวจวัด และพบค่าโลหะหนักสารหนูสูงเกินมาตรฐานฯ ซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่สะท้อนถึงการทำกิจกรรม การทำเหมืองอย่างชัดเจน

“ช่วงน้ำหลากปีที่ผ่านมา แม่น้ำกกมีปริมาณการไหลของน้ำสูงถึง 1,400 ลบ.ม./วินาที ส่วนแม่น้ำโขงก็มากถึง 9,000 ลบ.ม./วินาที น้ำทั้งหมดนี้พัดพามาพร้อมตะกอนสารพิษจากเหมืองตอนบน อยากให้รัฐบาลคิดแก้ไขที่ต้นตอของปัญหา คือยุติเหมืองเถื่อน หากยังจะเอาวิธีการที่จัดการจากลำห้วยเล็กๆ คือคลิตี้ จะมาใช้ที่นี่ คือแม่น้ำกก สาย รวก โขง ซึ่งเป็นแหล่งมลพิษที่ใหญ่กว่าหลายเท่าตัว อาจทำให้การแก้ปัญหาไม่ตรงเป้า ทำให้กลบเกลื่อนความรุนแรงของปัญหา false protection และยิ่งเป็นการซื้อเวลา ทำให้ประชาชนและสิ่งแวดล้อมตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นอีก” เลขาธิการ พชภ.กล่าว

ก่อนหน้านี้กรมทรัพยากรน้ำได้เผยแพร่คำสัมภาษณ์นายธีระชุณ บุญสิทธิ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ที่กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินมาตรฐานในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาขา แม่น้ำสาย แม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง พื้นที่จ.เชียงราย และเชียงใหม่ ว่าขณะที่รูปแบบและวิธีดักตะกอนเพื่อแก้ไขปัญหาคุณน้ำในพื้นที่แม่น้ำกก และแม่น้ำสาย ที่ประชุมเห็นชอบก่อสร้างเป็นม่านน้ำดักตะกอน 4 แห่ง โดยใช้งบประมาณลดลงจากเดิมประมาณ 7 พันล้านบาท เหลือ 173 ล้าน ซึ่งในส่วนของกรมทรัพยากรน้ำนำผลการออกแบบไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ และจัดทำข้อเสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบภายในเดือนกันยายน นี้ และคาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ในช่วงเดือนธันวาคม 2568

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำฯ กล่าวว่าม่านน้ำดักตะกอนทั้ง 4 แห่ง จะอยู่ในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 3 แห่ง และอ.เมือง จ.เชียงราย 1 แห่ง ซึ่งการออกแบบม่านน้ำดักตะกอน เทคนิคการสร้าง แผนงาน ได้มีผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการด้านแหล่งน้ำ อาจารย์มหาวิทยาลัย ร่วมวิเคราะห์ความเร็วในการไหลของน้ำและการตกตะกอน เพื่อให้มั่นใจว่ารูปแบบและวิธีการดักตะกอนให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักวิชาการ นอกจากนี้ได้ประสานกับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และสภาอุตสาหกรรม ในการกำหนดรูปแบบและวิธีการเบื้องต้น ในการแยกและการเตรียมการกำจัดตะกอนที่มีสารปนเปื้อน โดยใช้รูปแบบเดียวกันการกำจัดตะกอนที่ลำห้วยคลิตี้ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อย่างไรก็ตามรูปแบบและวิธีดักตะกอน จะมีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น เสนอข้อห่วงกังวลและแนวทางที่เหมาะสม

—————

หมายเหตุ-ภาพม่านดักตะกอนจากเฟสบุค Chuchoke Aryupong

On Key

Related Posts

เร่งแก้ไขน้ำประปาปนเปื้อน 18 หมู่บ้าน นายก อบจ.เชียงรายเผยระบบไม่ได้มาตรฐาน-เตรียมปรับปรุงเพิ่ม-คพ.ส่งทีมตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมด-เบื้องต้น 3 หมู่บ้านไม่พบสารโลหะหนัก-สำรวจหาแหล่งน้ำสะอาดแห่งใหม่