จากกรณีที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 15 (จังหวัดภูเก็ต) ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระนอง ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในลำคลองกระนัย และแม่น้ำกระบุรี ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2568
ล่าสุด วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนางนฤมล บุญช่วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง ถึงประเด็นผลการตรวจคุณภาพน้ำว่าขอให้ทางผู้ใหญ่เป็นผู้ให้ข่าวจะดีกว่า แต่ไม่ปฏิเสธว่าผลการตรวจเปิดเผยออกมาแล้ว
ในขณะที่นายณรงค์ชัย สกุลอ่อน นายอำเภอกระบุรี กล่าวถึงความคืบหน้าผลการตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำกระบุรีว่า หลังจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 15 เก็บตัวอย่างน้ำผิวดิน ตะกอนดินและตัวอย่างน้ำประปา โดยสำนักงานได้ส่งหนังสือให้ศาลากลาง และศาลากลางได้ส่งมาที่ว่าการอำเภอเรียบร้อยแล้ว
“ในส่วนของคุณภาพน้ำที่เก็บไปตรวจ 3 จุดมีค่าปกติเป็นไปตามมาตรฐานแหล่งน้ำผิวดิน ส่วนตะกอนดินก็มีค่าตามมาตรฐานในแหล่งน้ำผิวดินเช่นกัน ในขณะที่น้ำประปาเกินค่าปกติไปหน่อยน่าจะจากการสูบ ซึ่งทาง อบต.ท้องถิ่นก็คงจะปรับปรุงคุณภาพน้ำต่อไป” นายณรงค์ชัย กล่าว
เมื่อถามว่าชาวบ้านกังวลกับสารตกค้างในแม่น้ำที่ส่งผลให้ผิวหนังระคายเคือง จะสร้างความมั่นใจอย่างไรหลังจากการตรวจคุณภาพน้ำออกมาว่าค่าไม่เกินปกติ นายอำเภอกระบุรี กล่าวว่า ต้องอิงตามการวัดของหน่วยงานวิชาการที่ผลการวัดไม่พบสารอื่นหลังตรวจคุณภาพน้ำ ตะกอนดินและน้ำประปา
“ส่วนค่าการตรวจตัวอื่นๆยังไม่มีรายงานผลส่งเข้ามา ถ้ามีเขาก็คงเขียนรายงาน เบื้องต้นที่แจ้งมา 3 ตัวอย่างเป็นทางการ” นายณรงค์ชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าการทำเหมืองทองในฝั่งพม่าที่ปล่อยสารพิษตกค้างลงแม่น้ำขั้นตอนดำเนินการในส่วนที่อำเภอกระบุรีรับผิดชอบต่อไปจะเป็นอย่างไร นายณรงค์ชัย กล่าวว่า การจะดำเนินการอย่างไรที่เกี่ยวข้องกับชายแดน ต้องเป็นหน่วยงานระดับ TBC ส่วนจะต้องทำอย่างไรต่อไปก็คงจะมีการแจ้งลงมายังท้องที่อีกทีหนึ่ง
ด้านนายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวถึงผลการตรวจคุณภาพน้ำของแม่น้ำกระบุรีโดยทราบว่ามีค่าปกติ ส่วนความขุ่นของสีแม่น้ำกระบุรีนั้น ช่วงนี้เป็นฤดูฝนผสมลงมา
“จริงๆต้องถามทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) แต่โดยส่วนตัวก็ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดู หากต้องการความชัดเจนเรื่องผลการตรวจคุณภาพย้ำต้องลองถาม สสจ.” นายสุพจน์ กล่าว
ในขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 15 (สคพ.15) เปิดเผยผลการตรวจวัดตัวอย่างคุณภาพแม่น้ำกระบุรี ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ทั้งหมด 3 จุด พบค่าความขุ่นที่คลองกระนัยฝั่งไทย 15.67, ปากกระ 66.36 และแม่น้ำกระบุรี ห่างจากปากกระลงมา 500 เมตร ได้ค่าความขุ่น 56.96
ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง สคพ.15 ได้รับการยืนยันว่าผลการตรวจคุณภาพน้ำแม่น้ำกระบุรีไม่มีค่าโลหะหนักเกินเกณฑ์อันตราย แต่ชัดเจนเรื่องความขุ่น
“มีค่าความขุ่นที่ออกมาจากคลองฝั่งพม่าไหลรวมเข้ากับของเราตั้งแต่ปากกระลงไปความขุ่นชัดเจน ผลการดำเนินทั้งหมดนี้ได้ส่งให้กับจังหวัดเพื่อผลักดันให้เข้าสู่คณะกรรมการระหว่าง 2 ประเทศ” เจ้าหน้าที่ สคพ.15 กล่าว
เมื่อถามว่าปกติ สคพ.15 ลงพื้นที่ไปตรวจคุณภาพของแม่น้ำถี่แค่ไหน เจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีการเก็บข้อมูลคุณภาพตัวอย่างน้ำมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีข้อมูลมากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าความขุ่นในแม่น้ำกระบุรีมาจากไหน ความถี่ในการตรวจไม่สามารถช่วยอะไรได้ถ้าทางฝั่งพม่าไม่แก้ไข
“ด้วยตัว point source จากฝั่งพม่าไม่ได้รับการแก้ไข ข้อมูลที่เรามอนิเตอร์มาตั้งแต่ปี 2563 มันเหมือนเดิม เคยคุยกับทางจังหวัดว่าถึงเราจะมอนิเตอร์ ถ้าต้นทางไม่ได้แก้ มันชัดเจนแล้วว่าความเดือดร้อนมาจากคลองทางพม่า ประเทศไทยจะมอนิเตอร์ถี่อย่างไรก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ควรจะเน้นในการนำข้อมูลตัวนี้หาวิธีการแก้ไขจากต้นทาง ถ้าต้นทางแก้ไขแล้วเราจะมอนิเตอร์เพื่อให้เห็นว่าแก้มาถูกทางหรือไม่ ความเดือดร้อนลดลงหรือเปล่า เอาจริงๆเลยไปดูทางกายภาพแค่สีของน้ำก็เห็นความชัดเจนแล้วว่าความเดือดร้อนมาจากที่ไหน ประเทศไทยจะต้องมอนิเตอร์อีกนานแค่ไหนถ้ามันคือปลายทาง มอนิเตอร์ไปก็แก้อะไรไม่ได้ ข้อมูลนี้ก็มากพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าความเดือดร้อนเกิดขึ้นจากฝั่งนั้นจริงๆ แต่ข้อดีของเราก็คือยังไม่เจอสารโลหะหนักที่เป็นสารพิษ ถ้ามีสารพิษเราต้องเจออยู่เรื่อยๆ เมื่อเป็นเรื่องความขุ่นอย่างเดียวก็กระทบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นำน้ำมาใช้ตามปกติไม่ได้ หน่วยงานท้องถิ่นจะนำน้ำดิบไปใช้ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง” แหล่งข่าวจาก สคพ.15 กล่าว