Search

กู้เงินจ่ายส่วยสัญชาติ-หวั่นไม่ได้เป็นคนไทย ชาวบ้านแฉผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บอ้างค่าเซ็นเอกสาร-พาไปยื่น หัวละ 1 หมื่นทำบัตรประชาชน อธิบดีกรมการปกครองรับข้อเสนอ สส.ปชน.

หมายเหตุ – ภาพการรอเข้าคิวเพื่อทำเรื่องตามมติ ครม.ไม่เกี่ยวกับเหยื่อที่แฉ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 นางโม๋ แรงงานที่อพยพจากรัฐฉาน ประเทศพม่าซึ่งทำงานในพื้นที่อำเภอชชายแดน จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับการดำเนินการพัฒนาสถานะบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ให้เร่งรัดแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลที่อพยพเข้ามาเป็นเวลานานและกลุ่มบุตรหลานที่เกิดในราชอาณาจักร  ว่าในส่วนของตนที่ขอสัญชาติให้กับบุตรก็ถูกเรียกเก็บเงินจากผู้ใหญ่บ้านคนละ 10,000 บาท

นางโม๋กล่าวว่า บุตรของตนเกิดในประเทศไทย และได้รับสิทธิในฐานะที่พ่อของเด็กอยู่มานานถือบัตรเลข 0 กลุ่ม 89 คือเข้ามาอยู่ไทยก่อนปี 2542 และมีใบเกิด

“ครอบครัวฉันยากจน เราไม่มีเงินจ่าย ตอนนี้เลยยังไม่ได้ไปที่อำเภอ เขาอ้างว่าเป็นเป็นค่าเซ็นและพาไปยื่นให้ที่อำเภอ ทุกคนที่ยื่นต้องเสียเงิน ฉันเองก็พยายามต่อรอง แต่เขาก็ไม่ยอมลดให้ ใครที่จะไปอำเภอต้องจ่ายให้เขา จ่ายเป็นเงินสดหรือจ่ายผ่านบัญชีธนาคารก็ได้”นางโม๋ กล่าว และว่า บุตรของตนนั้นขอทำบัตรประชาชน แต่ชาวบ้านอีกหลายสิบคนถูกเก็บหัวละ 4,500 บาทเพื่อขอบัตรต่างด้าวถาวร ซึ่งขณะนี้หลายคนยอมจ่ายเพราะเขาอ้างว่าหากหมดเขตแล้วจะทำไม่ได้อีก ทำให้หลายคนต้องพากันไปกู้หนี้มาจากคนอื่น

นางโม๋กล่าวว่า หลังจากมีข่าวเรื่องส่วยสัญชาติ ทำให้ผู้ใหญ่บ้านระมัดระวังตัวมากขึ้น จากเดิมที่เคยมีการประกาศเสียงตามสายชักชวนไปที่อำเภอ แต่ตอนนี้งดประกาศแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่สนใจของพวกตนมากเพราะกลัวว่าจะถูกผู้ใหญ่บ้านกลั่นแกล้ง และคนที่จ่ายเงินไปแล้วก็ไม่มีใครกล้าพูดเพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับบัตรประชาชนและบัตรต่างด้าวถาวร

นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และกรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวว่าหลักการของมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 29 ตุลาคม 2567 คือให้ผู้ยื่นคำร้องรับรองตนเอง แต่ในทางปฏิบัติผู้ใหญ่บ้านยังคงมีบทบาทสำคัญในการเซ็นรับรองและดูแลกระบวนการยื่นคำร้องที่อำเภอ จึงเป็นเหตุให้ผู้ใหญ่บ้านเรียกรับผลประโยชน์โดยที่ชาวบ้านไม่สามารถปฏิเสธ เนื่องจากจะไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการยื่นคำร้องได้เลย เพราะผู้ใหญ่บ้านดำรงตำแหน่งจนถึงเกษียณอายุ จึงมีอิทธิพลมาก ทางออกควรปฏิบัติตามมติ ครม. คือให้ผู้ยื่นคำร้องรับรองตนเอง หรือมีบุคคลที่น่าเชื่อถือรับรองให้ ไม่จำเป็นเฉพาะผู้ใหญ่บ้าน อาจเป็นครูในหมู่บ้าน อสม. หรือบุคคลอื่นๆ ที่น่าเชื่อถือ เพื่อกระจายความรับผิดรับชอบ และระยะยาวควรแก้การปกครองท้องที่ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านมีวาระในการดำรงตำแหน่ง

วันเดียวกันที่กรมการปกครอง นายสมดุลย์ อุตเจริญ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ได้เข้าพบนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง เพื่อร้องเรียนเรื่องส่วยสัญชาติ โดยนายนิรัตน์กล่าวว่าสำหรับเรื่องการแอบอ้างหาผลประโยชน์เรื่องสัญชาติ พฤติกรรมแบบนี้จังหวัดตะเข็บชายแดนมีมาก่อนแล้ว มีการเฝ้าระวัง ห้ามและจับกุม มีระดับราชการถูกไล่ออกทุกปี สำหรับ 4 แสนกว่าคนในมติครม.นี้ ประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่มีค่าใช้จ่าย

“ผมบอกให้รอบคอบ ทั้งการให้บริการรวดเร็วและความมั่นคงของชาติ security ต้องสมดุล หากท่านใดถูกหลอกว่าหมดเวลา ไม่ให้เชื่อเพราะจะถึง มิถุนายน 2569 เราประเมินว่าหากทำงานล้นมือแล้วยังไม่จบก็จะนำเสนอ มท.1และครม.เพื่อปรับ ผมได้ส่งหน่วยปราบปรามทุจริตลงไปแล้วก่อนมีการร้องเรียนจากสส. 1 ไม่ให้จ่าย สำหรับผู้ที่จ่ายต้องให้ข้อมูล ผมพร้อมดำเนินการ หากหากินบนความมั่นคงของชาติ ไม่คุยกันอยู่แล้ว จะทำให้เร็วที่สุด”อธิบดีกรมการปกครอง กล่าว

นายสมดุล กล่าวว่าอธิบดีกรมการปกครองได้รับทราบสถานการณ์บางส่วนจากการรายงานของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว และตอนนี้จะได้สั่งการตามข้อเรียกร้อง 4 ข้อที่ตนได้เสนอ  และแสดงความห่วงใยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ ประชาชน

“ท่านบอกว่าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่ เรียกรับเงินจากประชาชน และจะให้รองอธิบดีฯลงไปในพื้นที่ 3อำเภอ คืออำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ” นายสมดุลย์กล่าว

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยถึงกรณีส่วยสัญชาติ ว่า “ต้องไม่มีสิ”  ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้างนั้น เดี๋ยวรอตนเข้าเข้าไปที่กระทรวงมหาดไทย สำหรับสมัยตนเรื่องพวกนี้ไม่มีแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดใช่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า “แน่นอนครับ ไม่เก็บไว้หรอกครับ”

————

On Key

Related Posts

นักวิชาการแนะรัฐไทยเร่งหารือประเทศลุ่มน้ำโขงหลังตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน จ.เลย-หนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม ภาคประชาชนจี้รัฐแจ้งความจริงให้ชาวบ้านทราบ-หาแนวทางปฎิบัติ-หวั่นหลายเมืองใช้น้ำโขงผลิตน้ำประปาได้รับผลกระทบ