Search

สส.-สว.รุมสับรัฐบาลไม่เขียนเรื่องการแก้ปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนสารโลหะหนักไว้ในนโยบาย-เชื่อ 4 เดือนถ้าไม่ทำอะไรวิบัติแน่-จี้เร่งนำเข้าสู่กรอบอาเซียน

การแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ระหว่างวันที่ 29-30 กันยายน 2568 สส.และสว.บางส่วนได้อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่รัฐบาลไม่ได้เขียนเรื่องการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวกและแม่น้ำโขงไว้ในนโยบายของรัฐบาล

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 นส.มณีรัตน์ เขมะวงค์ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลขาดนโยบายเรื่องมลพิษข้ามแดนซึ่งกำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ โดยตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เผชิญวิกฤตจากการทำเหมืองแร่เอิร์ทในพม่าซึ่งมีมากกว่า 500 แห่ง บางแห่งอยู่ห่างชายแดนไทยไม่กี่กิโลเมตร พวกตนได้ลงพื้นที่สามารถมองเห็นเหมืองได้ในระยะสายตาชัดเจน ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือสารโลหะหนักในแม่น้ำเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนและห่วงโซ่อาหาร และยังกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยกระดับปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

“มลพิษข้ามแดนคือภัยคุกคามความมั่นคงของไทย การเพิกเฉยต่อปัญหานี้เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติกระทำต่อทรัพยากรของไทยโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลมีนโยบายเชิงรุกเพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนและทรัพยากรของไทยไม่ให้ถูกทำร้ายไปมากกว่านี้”นส.มณีรัตน์ กล่าว

นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชนกล่าวว่า รัฐบาลแทบไม่ได้ทำอะไรคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวกและแม่น้ำกก หากยังช้ากว่านี้ปัญหาจะลุกลามเพราะน้ำเป็นพิษไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ ประชาชนไม่รู้และไม่มั่นใจเลยว่าพืชผลที่มาจากลำน้ำเหล่านี้กินได้หรือไม่ ขณะที่หน่วยงานราชการเข้ามาตรวจแล้วก็หายไป ทำให้เกษตรกรขาดทุน ขณะที่นาปี 100,000 ไร่จะออกผลผลิตในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการอะไรรองรับแม้แต่อย่างเดียว

“สิ่งที่ประชาชนไม่รู้คือได้มีการตรวจพบสารตะกั่วปนเปื้อนน้ำประปาใน 6 หมู่บ้าน ซึ่งแม้แต่รองผู้ว่าราชการก็ยังไม่รู้ ปัญหาแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย รัฐบาลไม่ควรที่จะปกปิดข้อมูล”สส.เชียงใหม่ กล่าว

นายภัทรพงษ์กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ไปเจรจากับพม่าไปเพียงแค่ 2 ครั้งซึ่งผลออกมาแทบไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย โดยทางการเมียนมาร์บอกว่ามาตรฐานสารหนูในแม่น้ำต่างกัน และทางเมียนมาร์ก็อ้างต่อว่าให้ทางการไทยไปตรวจสอบสารเคมีส่งเข้าไปในพม่า

“กรอบภายใน 4 เดือนนี้แต่กลับไม่มีเรื่องนี้ในคำแถลงนโยบายเลย ผมถามตรงไปยังรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติว่าท่านไม่คิดจะทำการบ้านเลยหรือ รัฐบาลที่ผ่านมาหลงทางไปหนึ่งปีแล้ว ถ้ายังปล่อยอีกสี่เดือนปัญหานี้จะทำให้วิบัติแน่นอน”นายภัทรพงษ์ กล่าว

สส.เชียงใหม่กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำในวันนี้คือการยื่นข้อเสนอสู่อาเซียนให้เห็นตรงกันว่ามีการทำเหมืองอย่างไรบ้างและเรามีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบสารหนูในแม่น้ำ เราต้องการความชัดเจนว่าใครจะทำอะไร เช่น จีนควรตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานว่าเหมืองแร่ที่ทำในคะฉิ่นหรือรัฐฉานในเมียนมาร์ เขาเอาอะไรมายืนยันว่าไม่ได้ปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ เพราะในเมื่อจีนบอกว่าตัวเองเป็นห่วงโซ่อุปทานสีเขียวก็ควรที่จะเปิดตรงนี้ออกมาเพื่อจะแก้ปัญหา

“ประเทศไทยก็ต้องชัดเจนเพื่อยืนหยัดในวิธีที่นานาชาติยืนหยัดเพราะคนไทยไม่ได้ประโยชน์จากการทำเหมืองเหล่านี้เลย แต่กลับได้รับผลกระทบเต็มๆ”นายภัทรพงษ์ กล่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 กันยายน ในการอธิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรมกล่าวว่า ถ้าวิเคราะห์ให้ดี  รัฐบาลให้ความสำคัญกับภัยพิบัติ แต่ทำไมมองไม่เห็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดน  เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ว่าจะเยียวยาอย่างไรให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ตน

เสียดายที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ไม่นั่งอยู่บัลลังก์วันนี้ เพราะตนอยากบอกว่าต้องไปแก้ต้นเหตุ  ต้องกล้าแทรกแซงอย่างสร้างสรรค์ ไปปิดเหมืองไหม บำบัด กำจัดเหมืองทำได้ไหม ประชาชนเรียกร้องมาตลอด ทำไมไม่ทำ ถ้าวางนโยบายได้ จะต้องบอกว่าจะมีการเยียวยา บำบัดพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ ต้องไม่นำแร่มาจากเมียนมา เพื่อยืนยันว่าไม่ยอมไม่ทำ

On Key

Related Posts