โดย ภาสกร จำลองราช
รายงานข่าวที่ระบุว่าทางการจีนส่งอาวุธให้กัมพูชารบกับไทยกลายเป็นจิ๊กซอว์ที่น่าสนใจ เมื่อนำไปต่อเป็นภาพใหญ่ทำให้เห็นอาวุธจีนรายล้อม และรุกคืบประเทศไทย
ในภาคเหนือของไทย กองกำลังสหรัฐว้า (United Wa State Army -UWSA) ซึ่งเป็นเสมือน “ม้าใช้”ของทางการจีน ได้จับมือกับทหารพม่ายึดครองพื้นที่ตลอดชายแดนรัฐฉานบริเวณตรงข้ามจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน โดยตามจุดต่างๆมีฐานทหารพม่าและทหารว้าตั้งอยู่สลับกัน ซึ่งเป็นความร่วมมือในการควบคุมพื้นที่ที่เคยเป็นของทหารไทใหญ่ด้วยการสนับสนุนของกองทัพไทย แต่หลังจากสิ้นยุค “ขุนส่า” สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป
ทหารว้าผลิตยาเสพติดร่ำรวยจนสามารถสร้างกองกำลังขนาดใหญ่และมีโรงงานผลิตอาวุธเป็นของตัวเอง และสร้างอิทธิพลเหนือกองกำลังติดอาวุธกลุ่มต่างๆในพม่าโดยใช้วิธีการช่วยเหลือด้านอาวุธ แต่อีกมือหนึ่ง UWSA ก็จับอยู่กับกองทัพพม่า
กองกำลังว้าสะสมขุมกำลังและอาวุธ จนแสดงความกร้าวร้าวกับประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง นับตั้งแต่การรุกล้ำดินแดนในหลายจุดชายแดนด้านจ.แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ แม้ทหารไทยพยายามเจรจา แต่ทหารว้าแทบไม่ยอมลดราวาศอกให้เลย ครั้นพอเราร้องไปที่ทหารพม่าก็มักได้รับคำตอบว่าพม่าไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้เพราะเป็นเขตอิทธิพลของว้า ซึ่งเป็นวิธีการโยนลูกและเล่นเกมกันแบบง่ายๆ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของไทยก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะผู้นำไทยส่วนใหญ่ยังมุ่งกระชับมิตรอยู่กับเนปิดอว์
กรณีการทำเหมืองทองและแรร์เอิร์ทบริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในรัฐฉานใต้ก็เช่นกัน ทหารว้าและทหารพม่าอนุญาตให้ชาวจีนเข้ามาทำเหมืองแร่เถื่อนย่ำยีแม่น้ำจนสารโลหะหนักปนเปื้อนและใช้การไม่ได้ ประชาชนไทยนับล้านคนเดือดร้อน แต่พอเราคุยกับทางการพม่า เขาก็โบ้ยไปที่ทหารว้าด้วยเหตุผลเดิมๆว่าพื้นที่เหล่านั้นเขาเข้าไม่ถึง
ตัวแทนรัฐบาลไทยซึ่งขาดความลุ่มลึกทำได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ทั้งๆที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว ทหารพม่าเองก็เป็นตัวการสำคัญที่อนุญาตให้คนจีนมาทำเหมืองแร่ด้วยเช่นกัน ขุมประโยชน์เหมืองแร่ถูกแบ่งสรรกันระหว่างทหารพม่ากับทหารว้า เพียงแต่รัฐบาลทหารพม่าทำทีไม่รับรู้ ปล่อยให้ทหารในพื้นที่ควบคุมและจัดการส่งส่วยกันเป็นทอดๆ
กรณีนี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เหมืองทองบ้านแม่โจ๊ก เขตเมืองสาด ฝั่งรัฐฉาน ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านม้ง 8 หลัง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย บริเวณนี้เป็นพื้นที่ควบคุมของทหารพม่าเพราะมีฐานทหารพม่าตั้งอยู่หลายแห่ง โดยเหมืองทองแห่งนี้ตั้งมาแล้ว 4-5 ปี สามารถเดินทางไปพิสูจน์ยืนดูได้ที่ชายแดนบ้านม้ง 8 หลัง
ขณะที่เหมืองแร่ 20-30 แห่งในรัฐฉานใต้ ผลผลิตถูกส่งเข้าประเทศจีน แต่เมื่อตัวแทนรัฐบาลไทยอ้อนวอนขอให้ทางการจีนช่วยคุยกับว้าและชาวจีนที่เข้ามาทำเหมือง เมื่อรัฐบาลจีนตอบว่า “ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีคนจีนเข้ามาทำเหมืองในพื้นที่นี้” รัฐบาลไทยก็ไปไม่เป็น เพราะไม่ได้ทำการบ้านหรือทำข้อมูลในเชิงลึก ทั้งๆที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว มีชาวจีนทำงานเกลื่อนอยู่ทุกเหมือง เพียงแต่เขาใช้วิธีแปลงบัตรประชาชนเป็นพม่า ซึ่งทำได้ไม่ยากโดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆชายแดนพม่า เช่น เขตว้า เขตโกก้าง หรือเขตเมืองลา ที่อยู่ติดชายแดนจีน สามารถทำบัตรประชาชนพม่าได้โดยง่าย
วันนี้จีน ว้าและพม่า จึงร่วมกันตักตวงผลประโยชน์จากเหมืองแร่ และทิ้งกากพิษลงแม่น้ำไหลข้ามแดนมายังประเทศไทยและประเทศท้ายน้ำในลุ่มน้ำโขง
จีนมีทหารว้าเป็น “ม้าใช้” อย่างดี เมื่อตอนที่เกิดรัฐประหารในพม่าใหม่ๆ จีนไม่ค่อยชอบขี้หน้า พล.อ.มิน อ่อง หลาย เพราะยังไม่สยบยอมให้พญามังกร จีนจึงสนับสนุนให้ทหารว้าหนุนหลังกลุ่มกองกำลังพันธมิตรชาติพันธุ์ในนาม The Brotherhood Alliance ประกอบด้วย กองกำลังโกก้าง (Myanmar National Democratic Alliance Army-MNDAA) กองกำลังตะอางหรือปะหล่อง (Ta’ang National Liberation Army-TNLA) และกองกำลังอาระกัน (Arakan Army-AA) ปฏิบัติการโจมตีกองทัพพม่าในชื่อ Operation 1027 มาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2566 จนสามารถยึดพื้นที่ทางทหารของกองทัพพม่าในหลายเมือง
กองทัพพม่าอ่อนแอและถูกรุกไล่จนกระทั่ง พล.อ.มิน อ่อง หลาย สยบยอมจีนและวิ่งเข้าไปสวามิภักดิ์ปักกิ่ง ข้อตกลงใหม่ก็เกิดขึ้นโดยจีนส่งอาวุธให้พม่ามากมายพร้อมกับความช่วยเหลือต่างๆ เช่น จีนปรามผ่านทหารว้าไม่ให้กองกำลัง The Brotherhood Alliance รบกับทหารพม่าและให้คืนเมืองต่างๆในรัฐฉานเหนือที่ยึดไว้แล้วด้วย
ในด้านชายแดนตะวันตกของไทยที่กำลังรบกันดุเดือด หลังจากทหารพม่าได้อาวุธที่มีสมรรถนะสูงจากจีนมาใช้เปิดเกมรุกเข้าไปในพื้นที่ที่ฝ่ายต่อต้านยึดครองคืนมาได้
อาวุธร้ายแรงที่ทหารพม่านำมาใช้โจมตีทหารกะเหรี่ยง KNU (Karen National Union-สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง) ครั้งนี้ ถ้าเพียงปรับทิศหันเข้าไทยก็สามารถถล่มเมืองหรือพื้นที่สำคัญๆของไทยได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นเรื่องน่าคิดอย่างมากสำหรับฝ่ายความมั่นคงของไทย
ก่อนหน้านั้น จีนได้สร้างอิทธิพลไว้กับกองกำลังกะเหรี่ยง BGF (Karen Border Guard Force) หลังจากส่งทีมงานชุดใหญ่มาฝังตัวอยู่ในแม่สอด จ.ตาก และ เมืองเมียวดี ตั้งแต่ 2-3 ปีก่อน แรกๆก็อ้างว่าเพื่อทำงานเชิงลึกเกี่ยวกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ที่มีกลุ่มคนจีนเป็นเข้ามาทำมาหากิน แต่ขณะนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าทีมงานจากจีนมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง
จริงๆแล้วกองกำลังกะเหรี่ยง BGF มีความใกล้ชิดกับจีนมานาน เพราะทุนใหญ่ของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชเวก๊กโก่ รวมถึง เคเค ปาร์ค ซึ่ง BGF ดูแลอยู่เป็นชาวจีน ขณะเดียวกันกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA(Democratic Karen Benevolent Army) ซึ่งยึดครองพื้นที่ตอนใต้ของเมืองเมียวดี ก็มีความใกล้ชิดกับจีนเช่นเดียวกัน เนื่องจากส่วนหนึ่งหนีมาจากเขตโกก้างชายแดนจีน
เมื่อทหารพม่ากลับคืนสู่เมืองเมียวดี ทั้งกะเหรี่ยงBGF และ DKBA จึงสยบยอมรัฐบาลทหารพม่าโดยง่าย และแตกหักกับกองกำลังกะเหรี่ยง KNUพร้อมประกาศสนับสนุนการเลือกตั้ง ภายใต้เงาทะมึนของพญามังกรที่ครอบงำกองกำลังกะเหรี่ยงเหล่านี้
ทุกวันนี้รัฐบาลจีนใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทหารเข้าไปบงการประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศไทยทั้งลาว กัมพูชา และพม่า ซึ่งอำนาจ “ละมุน” ของจีนไม่ใช่ความแปลกใหม่ เพราะในอดีตหลายร้อยปี ประเทศในย่านนี้ต่างก็ต้องยอม “จิ้มก้อง”ให้กับโอรสแห่งสวรรค์กันมาโดยตลอด ซึ่งสยามประเทศเพิ่งดีดตัวออกมาได้ในสมัยในหลวงรัชกาลที่ 4 นี่เอง
ประเทศไทยไม่ได้เป็นเด็กดีของจีน และทางการจีนก็ไม่ได้ให้เกียรติประเทศไทยสักเท่าไร เช่น การเยือนของผู้นำจีนในภูมิภาคนี้ หรือ การเชิญไปร่วมในพิธีสำคัญๆในจีน
การที่รัฐบาลกัมพูชายังคงกร้าวกับทางการไทยอยู่ได้ในวันนี้ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ฝ่ายความมั่นคงไทยต้องตีให้แตก ว่าต้องดำเนินการอย่างไร
วันนี้สีจิ้นผิง ผู้นำจีนคิดการใหญ่ เพราะต้องการกินรวบประเทศในลุ่มน้ำโขง และประเทศไทยกำลังถูกล้อมกรอบด้วยอำนาจละมุนของจีน ขณะที่ชนชั้นนำของไทยยังคงรื่นรมย์อยู่กับการเฉลิมฉลอง 50 ปีในความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยไม่ได้เผื่อใจเตรียมรับมือการ “เขมือบ”ครั้งใหญ่ของพญามังกร
หวังว่าความอ่อนแอทางการเมืองไทย จะยังหลงเหลือจุดแข็งในด้านความมั่นคงอยู่บ้าง
———