Search

สำรวจเหมืองประชิดไทย ความบรรลัยของแม่น้ำ

ภาสกร จำลองราช

พรมแดนไทยพม่า ที่ดอยหัวแม่คำ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย อยู่สูงจากน้ำทะเล 1,850 เมตร มีลักษณะเป็นแหลมยื่นเข้าไปในแผ่นดินรัฐฉาน ประเทศพม่า ดอยแห่งนี้อยู่ระหว่างลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย (ดูภาพประกอบ) โดยพื้นที่ระหว่างขอบแดนไทยไปถึงแม่น้ำกกและแม่น้ำสายมีทั้งภูเขาและที่ราบ ซึ่งปัจจุบันมีเหมืองแร่ทั้งเหมืองทองและแรร์เอิร์ทอยู่นับสิบแห่ง สามารถมองเห็นได้ในหลายๆจุดจากแดนประเทศไทย

ถ้าเรายืนอยู่ที่ดอยหัวแม่คำโดยหันหน้าไปทางเหนือ ในฝั่งรัฐฉานด้านขวามือมีฐานทหารพม่าประจำตามจุดต่างๆรวมทั้งบริเวณพื้นที่ที่เป็นเหมืองแร่ในลุ่มแม่น้ำสาย ส่วนซีกซ้ายเป็นฐานทหารกองกำลังแห่งสหรัฐว้า (United Wa State Army -UWSA) ประจำการอยู่ตามยอดดอยสูงจุดต่างๆ

ตลอดชายแดนไทยตั้งแต่เชียงราย เชียงใหม่ไปจนถึงแม่ฮ่องสอน ทหารพม่าและทหารว้าได้ทำข้อตกลงแบ่งพื้นที่การดูแลกันไว้หมดแล้ว ในหลายจุดเขาก็ตั้งฐานทหารกันสลับกันอย่างลงตัว เช่น พื้นที่ชายแดนตรงข้ามกับ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำกกไหลจากรัฐฉานเข้าสู่แผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลทหารพม่าปฎิเสธผ่านกลไกลความร่วมมือชายแดนไทย-พม่าทั้งระดับท้องถิ่น (TBC) และระดับภาค (RBC) ว่าทหารพม่าไม่สามารถเข้าไปบังคับใช้อำนาจในพื้นที่ทำเหมืองในเขตอิทธิพลว้าได้นั้น เป็นเพียง

เล่ห์เหลี่ยมที่ถูกนำมาใช้อธิบายกับทางการไทย

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำนักข่าวชายขอบ” www.transbordernews.in.th ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านม้ง 8 หลัง อีกครั้ง เพื่อสำรวจพื้นที่ทำเหมืองทองในฝั่งพม่า โดยหมู่บ้านชายแดนแห่งนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางสู่ดอยหัวแม่คำ โดยข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคงเรียกเหมืองทองแห่งนี้ว่า “เหมืองแร่บ้านแม่โจ๊ก” เขตเมืองสาด รัฐฉาน มีขนาด 1,806,714 ตารางเมตร หรือราว 1,129 ไร่

อย่างไรก็ตามเมื่อเราตรวจสอบซ้ำจากกูเกิลเอิร์ท พบว่าเหมืองแร่แห่งนี้ได้เปิดหน้าดินออกอย่างกว้างขวางและขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งประชิดแดนไทย ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีฐานทหารไทยตั้งอยู่ และได้มีการประสานงานห้ามขยายพื้นที่มาถึงดินแดนฝั่งไทย

แต่ที่น่าสังเกตคือในหลายจุดมีการสร้างบ่อน้ำสีเขียวอมฟ้าไว้ด้วย ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับเหมืองแรร์เอิร์ทในรัฐคะฉิ่น คงต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

“เหมืองแห่งนี้เขาทำกันมา 5-6 ปีแล้ว แต่พวกเราไม่เคยเข้าไปยุ่งด้วย เขาขุดไปเรื่อยๆ จากด้านใน ขยายพื้นที่มาทางบ้านเรา ตอนนี้ขุดเจาะเป็น 4 จุดแล้ว ข้างในมีแต่คนงานชาวจีน รถขนดิน ตักดินวิ่งตลอดเวลาห้ามคนภายนอกเข้า มีทหารชาวลาหู่ตั้งป้อมคุมเข้มตลอดเวลา” ชาวบ้านม้ง 8 หลังรายหนึ่ง กล่าว

จริงๆ แล้วชาวบ้านม้ง 8 หลังไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะเปิดเผยข้อมูล เนื่องจากพื้นที่ชายแดนค่อนข้างเสี่ยงต่ออิทธิพลเถื่อน โดยผู้ใหญ่บ้านม้อง 8 หลังคนก่อนก็ถูกยิงเสียชีวิตที่ถนนบนเส้นเขตแดน

บริเวณรอบเหมืองทองมีหมู่บ้านชาวลาหู่อยู่ 3 ชุมชนคือหมู่บ้านแม่โจ๊ก โดยชาวบ้านเรียกชื่อว่าบ้านแม่โจ๊กใหม่และแม่โจ๊กเก่า

บริเวณพื้นที่ขุดเจาะเหมืองแร่มีลำห้วยแม่โจ๊กลัดเลาะอยู่ตามร่องเขา ก่อนไหลมารวมกันลงแม่น้ำสาย เพราะฉะนั้นทั้งดินโคลนและสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการทำเหมืองจึงไหลลงลงต้นน้ำลำธารเพราะไม่มีบ่อบำบัดใดๆ

“เมื่อก่อนแถวนี้เคยเป็นป่า” ชาวบ้านชี้ให้เห็นแนวต้นไม้ใหญ่เป็นหย่อมที่เห็นเป็นร่องรอยป่า แต่ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นเขาหัวโล้นและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เสมือนรอยด่างบนพื้นที่สีเขียว

“ทั้งน้ำทั้งโคลนที่ท่วมแม่สายก็เพราะแบบนี้แหละ” ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวซึ่งเขาเองก็เป็นจิตอาสาคนหนึ่งที่ไปช่วยชาวแม่สายเมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่และโคลนถล่มเมื่อเดือนกันยายน 2567 แต่เสียงของพวกเขาดังไม่พอที่จะฝ่าอิทธิพลเถื่อนออกไปได้

“ผมว่าทางจังหวัดเขาก็รู้อยู่แล้ว”เขาพูดสั้นๆโดยไม่ขยายความต่อ แต่คนฟังต่างเข้าใจดีในสถานการณ์ของชาวบ้าน

จากหมู่บ้านม้ง 8 หลังมีถนนอยู่บนสันเขาซึ่งเป็นเส้นแบ่งแดนวิ่งมายังขอบแดน ทำให้สามารถมองเห็นเหมืองแร่ในมุมกว้างได้อย่างชัดเจน

“มีอีกเหมืองใหญ่กว่านี้อีก แต่ดอยลูกนั้นบังอยู่”ชาวบ้านชี้มือไปยังดอยที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งแม่น้ำสายไหลผ่าน

นอกจากชายแดนบ้านม้ง 8 หลังแล้ว ยังมีพื้นที่ฝั่งไทยอีกหลายจุดที่สามารถมองเห็นเหมืองแร่ในฝั่งรัฐฉานได้ชัดเจน

ซีกซ้ายของหัวแม่คำ เป็นเหมืองแร่ที่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังทหารว้า ซึ่งเป็นต้นแม่น้ำกกก็สามารถมองเห็นเหมืองขนาดใหญ่ได้เช่นกัน โดยลุ่มน้ำกกมีทั้งเหมืองทองและแรร์เอิร์ทอย่างน้อย 7 แห่งซึ่งเป็นต้นเหตุของน้ำท่วมโคลนถล่มชุมชนริมแม่น้ำกกเมื่อเดือนกันยายน 2568

ที่น่าประหลาดใจคือเหมืองเถื่อนมากมายทั้งบริเวณต้นแม่น้ำกกและต้นแม่น้ำสายเกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี แม้อยู่ในดินแดนรัฐฉานฝั่งพม่า แต่เราสามารถชะโงกหน้าไปดูได้ในดินแดนไทย แต่เรื่องนี้กลับเงียบกริบหรือถูกทำให้เงียบก็แล้วแต่ นั่นคือบทสะท้อนความหละหลวมและล้มเหลวในกลไกรัฐไทยบริเวณชายแดน

แม้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว แต่กลไกรัฐก็ไม่มีการตรวจสอบรากลึกของปัญหาที่มาของโคลนจำนวนมมหาศาลที่มากับน้ำกกและน้ำสาย จนกระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ชาวบ้านต.ท่าตอน อ.แม่อายได้ร่วมกันเดินขบวนประท้วง และมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำ จึงได้ทราบสาเหตุที่แท้จริง

วันนี้ชาวบ้านนับล้านกำลังตกอยู่ในนิเวศของสารพิษที่มีต้นตอจากเหมืองเถื่อนข้ามแดน และที่นี่กำลังกลายเป็นแหล่งธรรมชาติที่ปนเปื้อนสารโลหะหนักระดับโลก แต่การรับมือของทางการไทยยังต้วมเตี้ยมเป็นไปในระดับที่น่าหนักใจแทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบยิ่ง