เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ศูนย์ข้อมูลกะเหรี่ยง (Karen Information Center -KIC) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภาคสนามว่า ในพื้นที่ตอนใต้ของเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าที่นำโดยกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ฝ่ายการทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(Karen National Union-KNU) ได้ถอนกำลังออกจากบางเขตของเมืองใหม่ เลเกก่อ (Lay Kay Kaw) แล้วภายหลังถูกทหารพม่าโจมตีอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า การถอนกำลังดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะกองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาได้เปิดปฏิบัติการโจมตีอย่างรุนแรง โดยใช้ยุทธวิธี “คลื่นมนุษย์” ผสมกับอาวุธเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น โดรนโจมตี เครื่องบินรบ ระเบิด ปืนใหญ่ขนาด 120 มม. ส่งผลให้ฝ่าย KNLA และแนวร่วมต้องปรับยุทธศาสตร์ถอยกลับเป็นการชั่วคราว
“ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กองทัพพม่าใช้โดรนกามิกาเซและทหารใหม่จำนวนมากที่ถูกบังคับให้ขึ้นแนวหน้า พวกเรายิงตอบโต้ไม่ได้เพราะถูกโจมตีด้วยปืนครกและปืนใหญ่ขนาด 120 มม. หลายร้อยลูก ทำให้เราต้องประเมินยุทธศาสตร์ใหม่และถอยออกมาชั่วคราว ตอนนี้แต่ละหน่วยยังอยู่ในพื้นที่แต่แยกกันอยู่” แหล่งข่าวกล่าวกับ KIC
KICรายงานเพิ่มเติมว่า การโจมตีของกองทัพในเขตเมืองเลเกก่อนี้ ทำให้แนวร่วม KNLA ต้องถอนกำลังออกจาก เขตหมวดที่ 5 บริเวณทะเลสาบ เหย่ ก่าน โกง และ เขตหมวดที่ 3 บริเวณโรงพยาบาล – เซ โหย่ง โกง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ในสภาพเผชิญหน้าและมีการปะทะในพื้นที่กันเป็นระยะๆ
แหล่งข่าวว่า กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (Karen Border Guard Force- BGF) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพรัฐบาลพม่า ได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางและให้การสนับสนุนด้วยปืนใหญ่แก่กองทัพเมียนมาที่บุกโจมตี แต่เมื่อผู้สื่อข่าวของ KIC ติดต่อขอคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ BGF ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหมู่บ้านผาลู กล่าวว่า “การต่อสู้เพื่อยึดเมืองเลเกก่อยังไม่จบ กองทัพเมียนมายังคงพยายามรุกต่อเนื่อง ตอนนี้ชาวบ้านจำนวนมากย้ายหนีไปอยู่บริเวณริมแม่น้ำเมย ต้องเตรียมการอพยพ มีคนอยู่แถวนั้นราวๆ 2,000-3,000คนแล้ว”
ขณะนี้ การสู้รบระหว่างกองทัพรัฐบาลเมียนมาและแนวร่วม KNLA ยังคงดำเนินอยู่ในพื้นที่ เลเกก่อ, โจ่ง โด, กอกกาเร็ก, จ่าอินเซ็กจี, แนวถนนเส้นทางสายเอเชีย สายใหม่ , และ ผาปูน ซึ่งอยู่ในเขตรัฐกะเหรี่ยงตอนใต้ของเมียนมา
