เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะได้ลงพื้นที่ภารกิจตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ที่น่าสนใจคือนายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม ได้รับเชิญให้เดินทางร่วมคณะด้วย โดยช่วงเช้าคณะได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากสนามบินแม่ฟ้าหลวง ไปยังบ้านท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และพบปะประชาชนที่ศาลาริมแม่น้ำกก โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก และข้าราชการในจังหวัดเชียงใหม่นำโดยนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ นำเสนอข้อมูลการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำ
พระอาจารย์มหานิคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน กล่าวว่าการแก้ไขปัญหามี 3 ทาง คือ 1การเยียวยา เช่น น้ำอุปโภคบริโภคและน้ำทำการเกษตร 2.ปิดเหมือง 3.คือการฟื้นฟู โดยต้องทำทั้ง 3 อย่างถึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถาวร ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ปิดเหมืองแต่จะมีการสร้างฝายซึ่งเราเห็นว่าจุดเริ่มต้นเกิดในพม่าจึงแก้ยาก หากจะทำฝายเพื่อแก้ปัญหา บางครั้งความคิดเห็นของข้าราชการและชาวบ้านมักสวนทางการ
นายชาญชัย ศรีวัชรพันธุ์ ตัวแทนของภาคเกษตรอำเภอแม่อายกล่าวว่า พื้นที่เกษตรที่อำเภอแม่อาย 12,000 ไร่มีน้ำหลักท่วมตลอดแต่ไม่เป็นปัญหาเพราะมีตะกอนดินที่เป็นประโยชน์ แต่ที่เป็นปัญหาหนักตอนนี้คือน้ำมาพร้อมกับดินเหนียวและสารโลหะหนักปนเปื้อนมาด้วยน้ำ ดินพิษเมล็ดพันธุ์ไม่งอก หรืองอกก็ไม่เจริญเติบโตหรือแม้เจริญเติบโตก็มีสารพิษ สำหรับเรื่องแหล่งน้ำที่ใช้บางคนก็สูบน้ำขึ้นกกไปใช้เลย บางคนก็เจาะน้ำริมแม่น้ำกกมาใช้ ปัญหาตอนนี้คือพืชผลการเกษตรจำหน่วยไม่ได้เพราะไม่มีคนซื้อเพราะเขากลัวว่ามีสารปนเปื้อน ที่ผ่านมามีพืชส่งออก 3 ตัว คือถั่วแระ กระเจี้ยบ กระเทียม ไม่สามารถส่งออกได้ โดยกระเทียมของที่นี่ 80% ใช้ทำกระเทียมดองแล้วรสชาติอร่อย และมีกระบวนการต้องพึ่งพาแม่น้ำกก ดังนั้นควรระดมกันอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอยู่ได้
นายก๊อง ตัวแทนชาวประมงกล่าวว่า ตนหาอยู่หากินกับแม่น้ำกกมาโดยตลอด อยากรู้ว่าการหากินกับแม่น้ำกกนี้ สารพิษสารโลหะหนักจะสะสมในร่างกายหรือไม่อย่างไร ใครจะตรวจสอบให้ได้บ้าง เนื่องจากตนหาปลามีผื่นตามตัวสองเดือนกว่าแล้ว อยากทราบว่าเป็นผลจากสารพิษหรือไม่ กิจกรรมของตนสัมผัสน้ำโดยตรง อยากทราบว่าเด็กๆที่สัมผัสน้ำเป็นอันตรายหรือไม่
นายชัยพิพัฒน์ สัจจะรัตนพง์ ผอ.รร ตชด.ไลออนส์มหาจักร ตัวแทนของโรงเรียนริมแม่น้ำกก ต.ท่าตอนกล่าวว่า โรงเรียนใช้สายน้ำกกมีมากกว่า 10 แห่งสิ่งที่ขาดหายไปคือนักเรียนเคยเรียนรู้ว่ายน้ำและกิจกรรมทางน้ำที่หายไป ตอนนี้ไม่สามารถใช้แม่น้ำกกได้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปใช้สระน้ำห่าง 30 กม.ที่อื่นได้เพียง 20 คนจากนักเรียนกว่า 200 คน และกิจกรรมต่างๆหาปลาในน้ำกุ้งหอยปูปลาก็ทำไม่ได้เพราะแม่น้ำกกใช้ไม่ได้เลยตลอดสองปีที่ผ่านมา
นางกัญชญา แก้วประเพณีตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวว่าบ้านท่าตอนยังมีบรรยากาศเก่าต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะล่องเรือไปเชียงรายช่วงฤดูแล้ง ชาวบ้านทำซุ้มมีรายได้ มีหาดทรายแต่ขณะนี้มีแต่สารปนเปื้อนชาวบ้านตำบลท่าตอน ตำบลแม่นาวัง เคยทำแพริมแม่น้ำมีซุ้มทุกอย่างที่ลงทุนไป ทุนก็ไม่ได้คืน กำไรก็ไม่มี แล้วตอนนี้บ้านท่อตอนทุกอย่างชะงักไปหมดชาวบ้านไม่มีรายได้เลยเพราะว่าแม่น้ำมีสารปนเปื้อนชาวบ้านไม่มีรายได้เลย ร้านอาหารไม่ได้ขายสักบาทแต่ทุกคนก็ต้องกินต้องใช้
หลังจากฟังเสียงจากภาคประชาชนแล้ว นายสุชาติได้เชิญนายกัณวีร์ สืบแสง สะท้อนแนวทางแก้ปัญหาโดยนายกัณวีร์กล่าวว่า หากต้องการปิดเหมืองในเมียนมาจริงๆ ต้องเอาโลกล้อม เพราะผู้นำเผด็จการเมียนมา มิน อ่อง หลาย อย่างไรก็ไม่ฟังใคร และไม่สนมลพิษข้ามแดน หรือเรื่องธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (Business and Human Rights) ตราบใดก็ตามที่เขายังได้เงินจากนักธุรกิจที่มาลงทุนและการแบ่งผลประโยชน์ให้ลงตัวกับกลุ่มว้า
“กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ มี 2 กรอบความร่วมมือด้านลุ่มน้ำที่ มิน อ่อง หลาย ให้ความสำคัญ ซึ่งก็คือ Greater Makong Subregion—GMS และ Ayeyawady-Chao Praya-Mekong Economic Co-operation—ACMEC เพราะมิน อ่อง หลายได้เข้าร่วมการประชุมด้วยตัวเองเมื่อปลายปี 2567 ดังนั้น จึงมาตราว่าต้องสำคัญสำหรับผู้นำเผด็จการคนนี้ ไทยต้องให้ความสำคัญกับทั้ง 2 กรอบ พยายามสร้างความเป็นผู้นำและให้กรอบทั้ง 2 ยอมรับถึงผลกระทบอันสำคัญของมลพิษข้ามแดนที่กระทบความมั่นคงของมนุษย์ในทุกประเทศสมาชิกและรวมถึงโลกใบนี้ให้ได้ นอกจากนี้ ไทยต้องเล่นกรอบเวทีโลก อย่าง United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) โดยเน้นหนักที่การประชุม Conference of the Parties (COPs) ของเวทีสหประชาชาติ ให้เรื่องมลพิษข้ามแดนเป็นเรื่องที่สำคัญในเวทีโลก และมุ่งเน้นที่ความร่วมมือของการปิดเหมืองในเมียนมา ทำให้โลกล้อมเมียนมา ในการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนต่อปัญหามลพิษข้ามแดนที่เกิดจากการทำเหมืองแร่แรเอิร์ท”สส.พรรคเป็นธรรม กล่าว
นายกัณวีร์กล่าวว่าเรื่องเร่งด่วน รัฐบาลต้องเยียวยาความเสียหายให้ประชาชน เกษตรกร และสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัย ทั้งคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก การใช้น้ำทางการเกษตร พืชผักที่มีสารปนเปื้อน
ช่วงบ่ายคณะของนายสุชาติ ได้เดินทางมารับฟังปัญหาแม่น้ำกกที่ศาลาว่าการจังหวัดเชียงราย โดยมีผู้แทนเครือข่ายปกป้องแม่น้ำกกสายรวกโขง และผู้แทนเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ นำโดย “ครูแดง”เตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.เชียงราย ร่วมสะท้อนปัญหา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและคณะนำเสนอรายงาน
นายสุชาติ กล่าวในที่ประชุมว่า มารับทราบปัญหาโดยให้อธิบดีลงพื้นที่ล่วงหน้า หากอันไหนกระทรวงทำไม่ได้ก็ต้องเชื่อมกับหน่วยงานอื่น เมื่อวานตนได้โทรคุยกับ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรมว.เกษตร ซึ่งรอ.ธรรมนัส บอกว่ามีอะไรที่หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯทำได้ก็ยินดี
“เรื่องปิดเหมือง เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวพันกับหลายกระทรวง แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่รับ จึงได้เอากัณวีร์ไปตั้งกระทู้ถามผู้มีอำนาจ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯตอบได้แค่ขาเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล”นายสุชาติ กล่าว
นส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้แทนมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.)กล่าวว่า ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนนี้มีต้นตอมาจากรัฐฉาน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 2-3 ปี เหมืองบางแห่งที่ต้นแม่น้ำสายขุดอยู่ประชิดชายแดนไทย มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า ขุดเหมืองทิ้งสารพิษลงต้นน้ำลำธารที่ไหลผ่านประเทศไทย คือแม่น้ำกก สาย รวก และแม่น้ำโขงตอนบน รัฐบาลจะต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าสิ่งนี้กำลังคุกคามประชาชนไทยและเชื่อว่าการใช้มาตรการทั้งทางการทูต เศรษฐกิจ และความมั่นคง จะสามารถทำให้ผู้มีอิทธิพล กองกำลังที่คุมพื้นที่ดังกล่าวเกรงใจไทย
ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปีและพื้นที่เกษตร รวม 1.3 แสนไร่ ที่กำลังมีผลผลิตออกมาจะต้องมีการตรวจสารโลหะหนักในทันที เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรที่ใช้น้ำจากแม่น้ำกก สาย รวก โขง ต่างรู้สึกกังวลว่าผลผลิตจะเป็นอย่างไร จะปนเปื้อนสารโลหะหนักจากมลพิษที่มากับน้ำหรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลจึงควรมีการวางแผนเร่งด่วนในการตรวจสอบและจัดการในส่วนนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
“ประเทศไทยนำเข้าแร่จากพม่า ผ่านด่านศุลกากร อยากให้รัฐบาลหยุดนำเข้าแร่ก่อน เพื่อตรวจสอบให้รู้ว่าไม่ได้นำเข้าแร่มาจากแหล่งที่สร้างการปนเปื้อนลงแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ขอให้รัฐบาลเร่งอนุมัติงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดหาแหล่งน้ำประปาใหม่ให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคเชียงราย เนื่องจากแหล่งน้ำดิบคือแม่น้ำกกมีสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน”ดร.สืบสกุล กล่าว
ขณะที่ตัวแทนประชาชน ต.แม่ยาว กล่าวว่า ภัยพิบัติทำให้ถนนถูกกัดเซาะ ขณะที่ประชาชนต้องหาน้ำอุปโภคบริโภคเอง ผ่านมาแล้ว 1 ปี ตนรับคณะของทางการเยอะมาก ต่างก็รับปากว่าจะแก้ปัญหาให้แต่ผ่านมาแล้ว 1 ปียังไม่ได้มีการดำเนินการอย่างไร แต่วันนี้ทำให้มีความหวัง
นายสุชาติ ให้สัมภาษณ์ว่าจากการลงพื้นที่พบว่าประชาชนมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านการปนเปื้อนในสัตว์น้ำ ผลผลิตทางการเกษตร เช่น พืชผักและข้าว รวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดจากการสะสมของสารพิษในระยะยาว ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาได้เน้นย้ำถึงการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี การตรวจสอบคุณภาพน้ำและดิน มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการตรวจวัดคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการร้องขอจากประชาชนให้มีศูนย์ตรวจตัวอย่างน้ำ ก็จะจัดส่งข้าราชการเข้ามาเสริมกำลังในพื้นที่ ส่วนเรื่องงบประมาณที่ยังขาดแคลน เมื่อกลับไป จะพิจารณาการจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดตั้งห้องปฏิบัติการ (ห้องแล็บ) เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของการปนเปื้อนในดินและตะกอน จะประสานให้กรมพัฒนาที่ดินและกระทรวงเกษตรฯเข้ามาตรวจสอบดินอย่างละเอียด ส่วนการจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ในกรณีที่พบการปนเปื้อนในแหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำประปา ได้สั่งการให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเตรียมพร้อมสำรวจและจัดหาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำรอง การตรวจสอบผลกระทบด้านอื่นๆ เช่น กรมประมงจะเข้ามาดูแลและตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสัตว์น้ำ และประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุขเพื่อเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
ส่วนเรื่องการสร้างฝายดักตะกอนตามที่ภาคประชาชนท้วงติงนั้น นายสุชาติกล่าวว่า “การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อหารือภาพรวมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่ประชาชนท้วงติง เราจะนำไปทำประชาพิจารณ์ก่อน โครงการไหนที่ประชาชนไม่เห็นด้วย เราจะไม่ทำ แต่หากเป็นความต้องการของประชาชน เราก็จะหารือร่วมกับทุกหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ นายสุชาติกล่าวว่า ต้องสะท้อนปัญหาทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งด้านการเกษตร การท่องเที่ยว และความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ โดยได้ฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการประเมินความเสียหาย หากเข้าเกณฑ์ ก็สามารถประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบงบประมาณได้
เมื่อถามถึงแผนรับมือข้าวนาปีกว่า 1 แสนไร่ที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงปลายปีนี้ หากตรวจพบการปนเปื้อน นายสุชาติกล่าวว่า นี่คือปัญหาใหญ่ที่ต้องหารือกันในระดับรัฐบาล โดยต้องประสานงานกับกระทรวงเกษตรฯ และกรมพัฒนาที่ดินอย่างเร่งด่วน เพื่อวางแผนตรวจสอบและหามาตรการรองรับ ถือเป็นวาระที่ต้องหารือกันในระดับประเทศ
“ขอให้พี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณลุ่มน้ำมั่นใจว่า ทางกระทรวงฯ และรัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างดีที่สุด” นายสุชาติกล่าว