Search

สารพิษเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร พบตะกั่ว-สารหนูในผักบุ้ง-ปลาในแม่น้ำปนเปื้อนสารโลหะหนักเชียงราย นักวิชาการหวั่นอันตราย จี้รัฐเร่งอธิบายความจริงให้ประชาชนรับมือ-แนะเลิกใช้ภาษาสื่อสารกำกวม

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1 จังหวัดเชียงราย กระทรวงสาธารณสุข เก็บตัวอย่างน้ำประปาหมู่บ้าน ผักและปลา ที่สัมผัสน้ำกก น้ำสาย น้ำรวกและน้ำโขง 60 ตัวอย่าง ไปตรวจสอบเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งพบว่ามีน้ำประปาหมู่บ้าน 18 แห่งปนเปื้อนสารตะกั่ว บางแห่งพบทั้งสารตะกั่วและสารหนู ขณะเดียวกันยังพบว่าผักบางชนิด เช่น ผักบุ้ง ผักกาด ปนเปื้อนสารตะกั่วและสารหนูเช่นกัน นอกจากนี้ผลการตรวจปลายังพบว่าในบางพื้นที่ปลาบางชนิด เช่น ปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ ปลากระดี่ ปลานิล มีสารตะกั่วปนเปื้อนด้วย

ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ชาวบ้านยังรับรู้ข้อมูลไม่ทั่วถึง ทำให้การแก้ไขปัญหาและการรับมือกับปัญหาเป็นไปด้วยความลำบาก เช่น ประปาหมู่บ้าน ขณะเดียวกันภาษาที่ทางการนำมาใช้สื่อสารกับชาวบ้านก็ยิ่งสร้างความสับสน วกวน เช่น บอกว่าไม่พบสารโลหะหนักเกินมาตรฐาน หรือผ่านมาตรฐานทุกกย่าง สร้างความกำกวมคลุมเครือ แทนที่จะบอกว่าพบสารโลหะหนักแต่ไม่เกินมาตรฐาน ซึ่งการบอกตรงไปตรงมาทำให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายกว่า ยิ่งขณะนี้สถานการณ์มีความเสี่ยงเมื่อชาวบ้านต้องใช้ประปาหมู่บ้าน ต้องกินผักและกินปลา ที่ปนเปื้อนก็ต้องมีสารโลหะหนักสะสมไปเรื่อยๆ

“ที่น่าประหลาดใจคือผลการตรวจครั้งนี้กลับไม่มีการหาหาสารปรอทในตัวปลา ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งที่เชียงใหม่ตรวจปรอทในตัวปลาด้วย แต่ที่เชียงรายกลับไม่มี เท่ากับเป็นการตรวจที่ไม่ครบถ้วน หรือว่าศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1 จ.เชียงราย มีความสามารถในการตรวจหรือไม่” ดร.สืบสกุล กล่าว

นักวิชาการมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า ควรสื่อสารกับชาวบ้านอย่างตรงไปตรงมา ผู้นำรัฐบาลหรือหัวหน้าหน่วยงานควรเลิกกินปลา กินผัก หรือกินน้ำประปาโชว์ได้แล้ว เพราะบางพื้นที่ปลามีสารปรอท แต่กรมประมงมักสื่อสารบอกว่าปรุงให้สุกก่อนรับประทาน และให้กินปลาอย่างหลากหลาย ทำให้เกิดความคบลุมเครือ การแจ้งให้ปรุงให้สุกเพราะปลาเป็นโรคหรือไม่ ส่วนที่บอกให้กินปลาหลากหลายเพราะเป็นห่วงเรื่องสารโลหะหนักหรือไม่ เป็นเรื่องที่ควรสื่อสารกันตรงไปตรงมา หากมีผู้หญิงตั้งครรภ์ที่กินปลาเป็นประจำ เขาจะได้รู้ตัวว่าควรทำอย่างไร หรือคนกลุ่มเปราะบางต่างๆจะได้ปฎิบัติตัวถูก

“นอกจากนี้จากข้อมูลผลการตรวจปัสสาวะประชาชน พบว่ามี 7 รายที่มีสารหนูเกินมาตฐาน เรื่องนี้ไม่เคยมีการสื่อสารกับประชาชน คุณต้องตรวจซ้ำและแยกให้เห็นว่าที่ตรวจพบเป็นสารหนูอินทรีย์กับอนินทรีย์ ที่ผ่านมาราชการมักบอกแค่ว่าไม่เกิน”ดร.สืบสกุล กล่าว

นส.สมพร เพ็งค่ำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภายโดยชุมชน ( Community Health Impact Assessment Platform หรือ CHIA Platform) และนักวิจัยอิสระ กล่าวว่า ผลการตรวจคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านที่พบว่ามีการปนเปื้อนตะกั่วเกินค่ามาตรฐานใน 18 หมู่บ้าน น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งในมุมความเสี่ยงทางสุขภาพ เราควรก้าวข้ามประเด็นถกเถียงว่าเกินหรือไม่เกินค่ามาตรฐานได้แล้ว เพราะแม้ไม่เกินค่ามาตรฐานแต่หากประชาชนได้รับมลพิษเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง ก็ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะต้องร่วมมือกันปฏิบัติการเพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนทันที

นส.สมพรกล่าวว่า มี 1 จุดที่เป็นประปาโรงเรียน ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือเด็กๆ ที่ต้องใช้น้ำ ล้างมือ ล้างหน้า แปรงฟัน ฯลฯ ซึ่งตะกั่วมีผลต่อสมองและพัฒนาการของเด็ก ดังนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ในการดูแลบริหารจัดการระบบประปาชุมชน ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีน้ำสะอาดใช้อย่างปลอดภัย ควรจะต้องเร่งดำเนินการดังนี้ 1. ประปาโรงเรียนที่ตรวจพบการปนเปื้อนต้องหยุดจ่ายน้ำ และต้องจัดหาน้ำสะอาดจากแหล่งอื่นมาให้โรงเรียนใช้ก่อนจนกว่าจะหาวิธีบำบัดระบบประปาโรงเรียนให้เด็กๆ ได้ใช้น้ำอย่างปลอดภัย 2. ตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการทำน้ำประปา และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบบำบัด หากระบบไม่สามารถจัดการโลหะหนักที่ปนเปื้อนมากับน้ำได้ ต้องจัดหาน้ำสะอาดจากแหล่งใหม่มาให้ประชาชนใช้ ทั้งนี้กรมอนามัยควรช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานทางวิชาการให้กับท้องถิ่น 3. ร่วมมือกับกรมควบคุมโรค ทำการประเมินภาวะสุขภาพประชาชนที่ใช้น้ำจากระบบประปาที่ตรวจพบการปนเปื้อน หากพบปัญหาสุขภาพ ต้องได้รับการบริการสุขภาพที่เหมาะสม โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็ก

นักวิจัยผู้นี้กล่าวด้วยว่า จากผลการตรวจวิเคราะห์โลหะหนักในตัวอย่างพืชผักจะเห็นว่าเริ่มมีการปนเปื้อนสารบางตัวในผัก และปลา โดยเฉพาะผักบุ้งที่ตรวจเจอสารหนูเกือบทุกตัวอย่างและปลาเจอในหลายตัวอย่าง แม้ว่าจะยังไม่เกินค่าอ้างอิง แต่ต้องรีบออกคำเตือนชาวบ้านให้ระมัดระวังการบริโภคอาหารจากพื้นที่เสี่ยงนั้น ไม่ควรกินเป็นประจำ เพื่อป้องกันการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง สำหรับชาวบ้านที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี ต้องเพิ่งพาอาหารธรรมชาติริมแม่น้ำเป็นหลัก ถือเป็นกลุ่มเปราะบาง รัฐจะต้องเข้ามาช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอาหาร หากจะต้องซื้อหาจากแหล่งอื่นมาทดแทน

ขณะทีผศ.เสถียร ฉันทะ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า ผลการตรวจพบสารตะกั่วเกินค่ามาตรฐานในประปาหมู่บ้าน เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างยิ่ง เนื่องจากตะกั่วเป็นสารโลหะหนักที่มีความเป็นพิษสูงเกิดขึ้นได้ทั้งเฉียบพลันและสะสมเรื้อรัง โดยเฉพาะผลกระทบเด็ก ตะกั่วสามารถขัดขวางพัฒนาการทางระบบประสาท ส่งผลให้สติปัญญาต่ำลง พฤติกรรมเปลี่ยนไป มีปัญหาด้านการเรียนรู้ และหากได้รับปริมาณมากหรือสะสมจนถึงขีดจำกัดอาจถึงขั้นชัก โคม่า หรือเสียชีวิตได้ ซึ่งองค์การอนามัยโลกกำหนดมาตรฐานสารตะกั่วในน้ำดื่มไม่เกิน 0.01 มก./ล. และประเทศไทยโดยการประปาส่วนภูมิภาคก็กำหนดค่าสารตะกั่วไม่เกิน 0.01 มก./ล. เช่นเดียวกัน

“รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและประชาชน และเร่งดำเนินการหาแหล่งน้ำสำหรับการผลิตประปาหมู่บ้านทดแทนแหล่งน้ำที่มีสารโลหะหนักปนเปื้อน และจำเป็นอย่างยิ่งต้องสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการอุปโภคบริโภคน้ำที่มีการปนเปื้อนโลหะหนัก”ผศ.เสถียร กล่าว

———-

On Key

Related Posts

สารพิษเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร พบตะกั่ว-สารหนูในผักบุ้ง-ปลาในแม่น้ำปนเปื้อนสารโลหะหนักเชียงราย นักวิชาการหวั่นอันตราย จี้รัฐเร่งอธิบายความจริงให้ประชาชนรับมือ-แนะเลิกใช้ภาษาสื่อสารกำกวม