
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 ว่ารัฐบาลลาวกำลังพิจารณาชะลอการส่งไฟฟ้าให้เหมืองคริปโตในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569 เนื่องจากลาวต้องการผลิตไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมในประเทศที่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้มากกว่า
นับตั้งแต่ปี 2564 ที่ลาวได้มีนโยบายเกี่ยวกับธุรกิจคริปโตทำให้มีผู้ประกอบการคริปโตหลั่งไหลมาลงทุนในประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งนี้และธุรกิจนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
จันทะบูน สุกอาลุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าและการลงทุน สปป.ลาว กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังมุ่งให้ความสำคัญด้านพลังในภาคส่วนของ AI ดาต้า เซ็นเตอร์ การแปรรูปเหล็กและธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ลาวเริ่มลดการผลิตไฟฟ้าให้กับธุรกิจเหมืองคริปโตแล้ว ปัจจุบันได้ผลิตไฟฟ้าให้เหมืองเหล่านั้นประมาณ 150 เมกะวัตต์ ซึ่งลดลงกว่า 70 % จากความต้องการประมาณ 500 เมกะวัตต์ ในปี 2564-2565
“เหมืองคริปโตไม่สร้างคุณค่าได้เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมหรือธุรกิจอื่นๆ เราเสนอขายไฟฟ้าให้กับเหมืองคริปโตในปี 2564 เพราะว่า เราผลิตไฟฟ้าล้นเกินความต้องการ แม้ธุรกิจคริปโตจะสร้างงานได้น้อยและไม่ได้มีห่วงโซ่อุปทานที่เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศ” จันทะบูน กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าฯกล่าเพิ่มเติมในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนว่า ลาวมีแผนที่ยุติการจัดหาไฟฟ้าให้ภายในสิ้นปีนี้ แต่ก็ยังจะดำเนินการต่อเพราะฝนตกหนักทำให้เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นและสามารถส่งออกไปยังไทยและเวียดนามได้เพิ่มขึ้น โดยลาวได้ชื่อว่าแบตเตอรรี่ของเอเชีย มีศักยภาพในการส่งออกพลังงานไฟฟ้าจากน้ำและเป็นผู้นำหลักในภูมิภาคเรื่องการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ไฟฟ้าจากเขื่อนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศเพื่อนบ้านในการลดการปล่อยคาร์บอนที่กำลังท้าทายกับการเพิ่มขึ้นของพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ปัจจุบันลาวส่งออกไฟฟ้าจากพลังงานให้กับไทยและเวียดนาม และกำลังพิจารณาจะส่งขายไฟฟ้าให้กับเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 เมกะวัตต์
จันทะบูนกล่าวว่า ลาวได้เจรจาทวิภาคีกับจีนเกี่ยวกับคดีอนุญาโตตุลาการที่ยื่นฟ้องโดยบริษัท Power Construction Corp ต่อการไฟฟ้าลาว(EDL) โดยเรียกร้องให้ชำระค่าไฟค้างจ่ายกว่า 555 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (18,132 ล้านบาท)โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำที่มีมูลค่ากว่า 2.73 พันล้านดอลลาร์
“พวกเขามีสิทธิที่จะฟ้องร้องได้ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า เราต้องเดินหน้าต่อไปจนกว่ากระบวนการจะเสร็จหรือจนกว่าโจทก์จะถอนฟ้อง” จันทะบูน กล่าว แต่เขาปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าลาวได้พยายามแก้ไขการฟ้องร้องหรือไม่ โดยอ้างว่าเป็นความลับ แต่กล่าวว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเกิดขึ้นจากการคาดการณ์ความต้องการไว้กับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่แท้จริงสอดคล้องกัน และลาวยังหวังที่จะส่งไฟฟ้าไปยังสิงคโปร์ผ่านระบบสายส่งลาว ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์(LTMS)ในเร็วนี้ แต่ไม่ได้มีรายละเอียดอย่างใด
เมื่อปี2567 การส่งขายไฟฟ้าระหว่างประเทศได้หยุดชะงักลงเมื่อประเทศไทยยังไม่มีข้อยุติในการเจรจาระหว่างไทยและสิงคโปร์ แต่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ทั้ง 4 ประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมยืนยันความมุ่งมั่นที่จะขายไฟฟ้าข้ามระหว่างประเทศ แต่ไม่มีรายละเอียดว่าระยะเวลาจะเริ่มดำเนินการส่งขายไฟฟ้า เมื่อเดือนมีนาคม 2568 บริษัท Nam Ou Power ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท Power Construction Crop of China ได้ยื่นฟ้อง การไฟฟ้าลาว (EDL) เป็นเงินกว่า 555 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากไม่สามารถจ่ายค่าไฟฟ้าที่ซื้อจากโครงการเขื่อนน้ำอู 7 แห่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ใน กำลังการผลิตรวม 1,270 เมกะวัตต์ เป็นโครงการภายใต้ Belt and Road Initiative ของรัฐบาลจีน