
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา17.24 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นในเคเคปาร์ค แหล่งอาชญากรรมริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดี ตรงข้ามบ้านแม่กุท่าซุง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นการระเบิดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกองกำลังกะเหรี่ยง BGF(Karen Border Guard Force) กับกองทัพพม่า เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการปราบปรามสแกมเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามแรงระเบิดได้ทำให้สะเก็ดเหล็กและปูนลอยข้ามไปยังบ้านเรือนฝั่งไทย 4 จุดซึ่ง 1 ในนั้นคือบ้านของนายพัน วงษ์แวว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.แม่กุท่าซุง
รายงานข่าวแจ้งว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับฝั่งไทยเป็นวันที่ 2 ทำให้ คณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee: TBC) แม่สอด-เมียวดี ได้หนังสือประท้วงไปยังทหารพม่าเป็นวันที่ 2 หลังจากเมื่อวานนี้ได้ทำหนังสือประท้วงไปแล้ว 1 ครั้ง เนื่องจากการระเบิดภายในเคเคปาร์คได้สร้างความเสียหายให้กับฝ่ายไทย
ขณะที่ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย – เมียนมา จังหวัดตาก ได้ออกแถลงการณ์สถานการณ์ชายแดนประจำวันที่ 26 ตุลาคม โดยเนื้อหาบางส่วนระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ทหารเมียนมา กับ กองกำลังชนกลุ่มน้อย (BGF) ได้ทำการระเบิดทำลายอาคารภายในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK Park บ้านเองจีเหมี่ยง อำเภอเมียวดี จังหวัดเมียวดี ด้านตรงข้าม บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ตำบลแม่กุอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ห่างจากแนวชายแดน ประมาณ 500 เมตร จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้พื้นที่ฝั่งไทยได้รับผลกระทบบางส่วน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ศูนย์สังการชายแดนฯระบุว่า กองกำลังนเรศวร ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อม ในการรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบ ต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย ขณะที่หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดน และลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ตามแนวชายแดน จัดกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งยิงตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยในพื้นที่ และทำหนังสือประท้วงผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย -เมียนมา (TBC) ให้ระมัดระวังการปฏิบัติ การทำลายภายในอาคารสำนักงาน และวัสดุอุปกรณ์ภายในพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK Park เพื่อไม่ให้กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของ
ศูนย์สั่งการชายแดนฯระบุว่า กองทัพอากาศ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมขึ้นบินลาดตระเวนรบ หากมีอากาศยานรุกล้ำน่านฟ้าไทย
ในวันเดียวกัน พล.ท.วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่3 และ พล.ต.ท.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค6 และนายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รองผวจ.ตาก รักษาการผวจ.ตาก ได้เดินทางไปที่หน่วยเฉพาะกิจราชมนู เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก รวมทั้งหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง จากนั้นคณะเดินทางไปยังจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ถนนสายตาก แม่สอด ตำบลแม่ปะ โดยได้พบกับเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เพื่อคุยกันถึงปัญหาการค้ามนุษย์ และขอความร่วมจากทางประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นเหยื่อมากกว่าชาติอื่นๆ ให้ป้องกันไม่ประชาชนอินหลังเชื่อไปที่ฝั่งเมียนมาด้วย
พล.ท.วรเทพ กล่าวว่า ได้มาพูดคุยกับส่วนที่เกี่ยวข้อง ภาคีเครือข่ายทุกฝ่าย ร่วมกันปฎิบัติผ่านศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก โดยมีผวจ.ตาก ซึ่งมีการสกัดกั้นคนเข้าทางบก ทางอากาศ ณ ท่าอากาศยาน ทางเดินเท้า และสกัดกั้นคนต่างชาติที่มาจาก 5 อำเภอชายแดน โดยยังยึดติดกับมาตรการ 3 ตัดเหมือนเดิม และมีบุคคลต่างชาติ 28 สัญญาติรวมสัญชาติไทยด้วย จำนวน 1,280 คน“หากฝ่ายเมียนมายังคงปราบปรามกวาดล้าง คาดว่ายังมีการข้ามมาฝั่งประเทศไทยอีก ถ้าหนีมาจำนวนมาก ทางจังหวัดตากได้เตรียมแผนรองรับไวแล้วโดยมีพื้นที่พักคอยรองรับไว้ 2 แห่ง และยังจะต้องไปหารือกับหน่วยเหนือในเรื่องงบประมาณในการดูแล ทางทหารมีการประสานกับทางคณะกรรมการชายแดนไทย เมียนมาส่วนท้องถิ่น (อาร์บีซี.)แม่สอด เมียวดีอยู่ หากอันไหนไม่ถูกต้องก็จะทำหนังสือประท้วงไป สำหรับระเบิดที่เกิดขึ้นในฝั่งเมียนมา 3 วันนั้น เป็นการทำลายของฝั่งเมียนมาเอง และห่างจากชายแดน0.5 กิโลเมตร ไม่ได้มีการใช้โดรนทิ้งระเบิดเป็นการวางระเบิดทำลายเท่านั้น”แม่ทัพภาค 3 กล่าว



