Search

ชาวเมืองกุ๋นโหลงโวยกองกำลังโกก้างอนุญาตนักธุรกิจจีนทำเหมืองทอง-ขับไล่ยกหมู่บ้าน

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 สื่อ Ngao Leng Mun Mai รายงานว่า ชาวบ้านจากหมู่บ้านกุ๋นพู เมืองกุ๋นโหลง ทางเหนือของรัฐฉาน ประเทศพม่า ซึ่งขณะนี้ อยู่ภายใต้การปกครองโดยกองกำลังโกก้าง MNDAA (Myanmar National Democratic Alliance Army) ได้แสดงท่าทีต่อต้านต่อ MNDAA หลังพานักธุรกิจชาวจีนมาลงพื้นที่ และเตรียมที่จะขุดเหมืองทอง ซึ่งอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านกุ๋นพู

ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า หากโครงการเหมืองทองในพื้นที่เกิดขึ้นจริง เชื่อว่า ทางกองกำลังโกก้างจะขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่และเปิดทางให้นักธุรกิจชาวจีนมาทำเหมือง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านและใกล้กับชุมชน ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปยัง MNDAA แล้วว่าไม่ต้องการให้มาทำเหมืองในพื้นที่ แต่ก็ไม่เป็นผล จึงทำให้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านออกมาต่อต้านและเรียกร้องให้หยุดทำเหมืองโดยทันที

“ถึงแม้ทาง MNDAA จะควบคุมพื้นที่นี้ แต่หากพวกเขาไม่ถามชาวบ้านเลย และดำเนินการอย่างนี้ต่อไป ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง” ชาวบ้านรายหนึ่งที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อกล่าว “ฉันได้รับข้อมูลมาจากทหารโกก้างว่า พวกเขา (กองกำลังโกก้าง MNDAA) ต้องการที่จะฮุบเอาหมู่บ้านของเราเพื่อทำเหมืองทอง ซึ่งเรื่องนี้ชาวบ้านไม่เห็นดีด้วย และไม่ยอมรับกับแนวคิดนี้ เราอยู่กันมาจากรุ่นสู่รุ่น จนถึงคนรุ่นเรา ยังไม่เคยมีนายทุนหน้าไหนเข้ามาทำลายเลยสักครั้ง”

ชาวบ้านรายเดิมกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา กองกำลังโกก้างและนายทุนชาวจีนได้เข้ามาสำรวจในพื้นที่และดำเนินการโดยไม่ให้ชาวบ้านล่วงรู้มาก่อน โดยมีการไถดินตรงทางเข้าหมู่บ้านกุ๋นพู

ทั้งนี้ เมืองกุ๋นเหลง ตกไปอยู่ภายใต้ของ MNDAA ในปฏิบัติการ 1027 ครั้งที่ 1 หลังจากถูก MNDAA และพันธมิตรหลายกลุ่ม รวมทั้ง PDF เข้าโจมตี โดย MNDAA ยึดเมืองกุ๋นโหลงได้เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว

ขณะที่กองทัพพม่ายังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศในพื้นที่ควบคุมของกองกำลังปะหล่อง TNLA (Ta’ang National Liberation Army -TNLA) อย่างต่อเนื่อง เช่นที่เมืองกุด เมืองม่านต้ง เมืองน้ำตู้ และล่าสุดเกิดขึ้นที่เมืองมีด ทางเหนือของรัฐฉาน และเมืองสะปิ่นจีน ในเขตมัณฑะเลย์ โดยทาง TNLA ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคม 2568 เพียงเดือนเดียว มีประชาชนต้องเสียชีวิตจากเหตุโจมตีของกองทัพพม่าแล้ว 49 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กจำนวน 10 ราย และพระสงฆ์ 2 รูป ได้รับบาดเจ็บจำนวน 72 ราย ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย 26 ราย อีกทั้งมีบ้านเรือน 170 หลัง โรงเรียน 5 แห่งได้รับความเสียหาย รวมถึงวัดอีก 7 แห่ง ยังไม่นับรวมร้านค้าและธุรกิจในพื้นที่ที่ได้ความเสียหายไปด้วย