Search

เหมืองแรร์เอิร์ธในลาวขยายตัวภัยร้ายที่กำลังคุกคามแม่น้ำโขง

สื่อออนไลน์ด้านสิ่งแวดล้อม Mongabay รายงานเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ว่า มีข้อมูลใหม่ระบุถึงการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเหมืองแร่แรร์เอิรธ์ทั่วลุ่มน้ำต่างๆในประเทศลาว อาจจะส่งผลให้เกิดมลพิษทางน้ำข้ามพรมแดนไปยังเวียดนามและแม่น้ำโขงทั้งลุ่ม จากความต้องการแร่แรร์เอิรธ์ในปริมาณสูงของจีนทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวอย่างรวดเร็วในลาว ถึงแม้ว่าจะการขุดแร่ดังกล่าวจะเป็นการทำแบบผิดกฎหมายก็ตาม

ทั้งนี้ศูนย์สติมป์ซัน(Stimpson Center) สถาบันด้านข้อมูลของสหรัฐอเมริกา พบว่ามีเหมืองแร่แรร์เอิรธ์ 27 แห่ง ที่กำลังดำเนินการในลุ่มน้ำต่างๆทั่วประเทศลาว ตั้งแต่ปี 2022 รวมถึงการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมพบว่ามีการเปิดเหมืองแร่ใหม่ 7 แห่ง ในปีนี้ โดยเหมือง 23 แห่ง อยู่ในพื้นที่คุ้มครอง แต่ยังไม่ชัดเจนว่า เหมืองเหล่านั้นได้รับการอนุญาตจากทางการหรือไม่

เหมืองแร่แรร์เอิรธ์จำนวน 15 แห่งกำลังดำเนินการในลุ่มน้ำโขง โดย 12 แห่งอยู่ในเขตแม่น้ำคาน และอีก 3 แห่งอยู่ในแม่น้ำเงี๊ยบ ทั้งสองแม่น้ำไหลลงแม่น้ำโขง และเหมืองอีก 10 แห่งที่ศูนย์สติมป์สันพบคืออยู่ในเขตน้ำเฮาและน้ำซัน ลุ่มน้ำมา ซึ่งไม่เพียงจะส่งผลกระทบมลพิษข้ามแดนต่อเวียดนาม แต่รวมถึงพื้นที่อุทยานความหลากหลายทางชีวภาพน้ำซำ ซึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่างลาวและเวียดนาม แหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์อย่าง ชะนีแก้มขาว และช้างป่าเอเชีย

การทำเหมืองแร่ในพม่าสร้างความเดือดร้อนให้กับต่อชุมชนที่อยู่ตอนล่างในประเทศไทย ทำให้เกิดการตรวจสอบและเผยให้เห็นถึงผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ที่ผิดกฎหมายบนแม่น้ำหลายสาย ส่วนในลาว ที่ซึ่งเสรีภาพทางข่าวสารและการรวมตัวของชุมชนถูกจำกัด การเริ่มดำเนินกิจกรรมเหมืองแร่แรร์เอิธร์โดยไม่มีการควบคุมของรัฐบาลมากนัก และไม่มีเสียงของการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ทำให้ประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองแร่ในลาวอาจจะยังไม่ชัดเจน แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการขยายตัวของเหมืองแร่ใหม่ๆ

คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง(MRC) ได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำในลาวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบการปนเปื้อนของสารหนูระดับสูงโดยมีต้นกำเนิดจาจากการทำเหมืองแร่นอกพรมแดน ซึ่งน่าจะหมายถึงการระบายน้ำพิษมาจากเหมืองแร่ในพม่าที่ปนเปื้อนในแม่น้ำกก รวก สาย เรียบร้อยแล้วและไหลลงสู่แม่น้ำโขงพรมแดนไทยลาว

โฆษกของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกล่าวว่า คณะกรรมการแม่น้ำโขงไม่ได้ตรวจคุณภาพน้ำเฉพาะเจาะจงไปที่กิจกรรมเหมืองแร่ แต่ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและส่งเสริมให้ประเทศสมาชิก เช่น กัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม ตรวจวัดคุณภาพน้ำในประเทศอย่างสม่ำเสมอ

“ถ้าไม่มีการตรวจการปนเปื้อนจากกิจกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระดับการปนเปื้อนสูงเกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ การรบวกวนต่อระบบห่วงโซ่ของสัตว์น้ำ ผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนที่พึ่งพาแม่น้ำโขง” โฆษกของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกล่าวต่อ Mongabay ทางอีเมลล์

“ขณะที่การควบคุมมลพิษเป็นความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานของหน่วยงานในแต่ละประเทศ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงยังช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องต่อประเทศสมาชิกผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การให้คำแนะนำทางเทคนิค การร่วมติดตามและความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนข้ามพรมแดน”
โฆษก MRC กล่าว

ทั้งนี้ในปี 2024 เหมืองแร่แรร์เอิรธ์เกิดสารเคมีรั่วไหลและแม่น้ำปนเปื้อนมลพิษในแขวงหัวพันและหลวงพระบางภาคเหนือของลาว รัฐบาลได้เข้ามาจัดการปัญหาอย่างทันที หลังจากที่พบไซยาไนด์ปนเปื้อนในระดับที่สูงในแม่น้ำสองสาย ซึ่งทำให้ปลาในแม่น้ำตายเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อชุมชนกว่า 36 หมู่บ้าน มีรายงานว่าตัวแทนบริษัทจีนได้พบตัวแทนชุมชนต่างๆเพื่อพูดคุยเรื่องค่าชดเชย ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐระดับท้องถิ่นตรวจคุณภาพน้ำหลายครั้งจนพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยอีกครั้ง

ในปี 2017 เหมืองแร่แรร์เอริธ์ถูกห้ามดำเนินการในลาว อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่ทำงานใกล้ชิดกับภาคส่วนเหมืองแร่กล่าวว่า บริษัทเหมืองแร่โดยเฉพาะผู้ลงทุนจากจีนยังคงดำเนินการอยู่ด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เพื่อให้ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่นระดับแขวงหรือเมือง แม้ว่าจะไม่ได้รับสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายจากรัฐบาลส่วนกลางก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎระเบียบกำลังดำเนินการอยู่และนักลงทุนต่างชาติก็กำลังเข้าคิวเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรของลาว ข้อมูลสัมปทานที่ดินปี 2016 ระบุว่า บริษัทจีนซึ่งถือครองที่ดินสัมปทานในลาวประมาณ 30 % หรือประมาณ 287,000 เฮกตาร์ การได้ประโยชน์ดังกล่าว เนื่องจากลาวต้องพึ่งพาเศรษฐกิจจากประเทศเพื่อนบ้าน

ปี 2023 ลาวส่งออกแร่แรร์เอิรธ์มูลค่ากว่า 104 ล้านเหรียญสหรัฐ น้อยกว่าเมียนมาร์กว่าสิบเท่าที่มีมูลค่าการส่งออกกว่า 1.44 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีเดียวกัน แต่ทั้งลาวและเมียนมาร์ส่งออกหลักไปยังจีน ภาพรวมในปี 2023 ลาวส่งออกสินแร่ไปยังจีนมูลค่ากว่า 876 ล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ว่าศักยภาพการขยายตัวของแรร์เอิรธ์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

“เท่าที่รู้ ลาวมีแหล่งทรัพยากรแรร์เอิรธ์ และการสำรวจยังดำเนินการต่อไป” โอลิเวอร์ เทปปา นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย โคนสเตนซ์ แห่งเยอรมันนี กล่าว แรร์เอิรธ์กำลังได้รับความนิยมสูงมาก หากมีการขุดแร่หายากขึ้น ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะแม่น้ำจะใหญ่มากจากการใช้เทคโนโยชีการใช้สารเคมีที่เข้มข้น

เทปปา กล่าวว่า บ่อยครั้งที่มีรายงานว่าชุมชนพบการปนเปื้อนในแม่น้ำอย่างน่าสงสัยจากเหตุการณ์ปลาตาย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคนท้องถิ่นที่บริโภคปลา เพราะปลาเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญ

“ปกติมีข่าวลือว่า แหล่งกำเนิดมลพิษเกิดจากการทำเหมืองแร่ผิดกฎหมายใกล้ ๆ ชาวบ้านจะแจ้งหน่วยงานราชการท้องถิ่น แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการไปเจรจาเพื่อเรียกร้องให้จ่ายค่าเสียหายและสัญญาว่าจะมีการจัดการที่ดีกว่าเดิม การเฝ้าระวังเหมืองแร่ที่เกิดใหม่ๆในพื้นที่สูงเป็นเรื่องตลกที่กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ไร้ความสามารถจะทำได้” เทปปากล่าวทางอีเมลล์

ชาวบ้านรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของลาวผู้ไม่ประสงค์จะออกนามเพราะเกรงกลัวการตอบโต้จากรัฐและบริษัททำเหมืองแร่ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดจากการทำหมืองแร่กำลังกระจายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะแร่หายากที่มีเพิ่มมากขึ้นๆ เมื่อเร็วๆนี้

“ปัญหาใหญ่คือการทำลายป่า” เขากล่าว เพราะเป็นหนึ่งในวิธีการทำเหมืองแร่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการตัดถางป่าไม้ การทำเหมืองเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ โดยนักลงทุนจีนมากที่สุด แต่ว่าไม่มีกฎระเบียบสำหรับแร่หายากที่ซึ่งรัฐบาลกำลังพยายามที่จะหยุดยั้งเรื่องนี้

แหล่งข่าวระบุว่า เหมืองแร่หายากหลายแห่งในตะวันออกเฉียงเหนือของลาวดำเนินการโดยได้รับอนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นจะได้ส่วนแบ่งกำไร อย่างไรก็ตาม ความพยายามของรัฐบาลกลางในการควบคุมเหมืองเถื่อนเหล่านี้กลับแทบไม่มีความคืบหน้า ทำให้ชาวบ้านประท้วงและปกป้องที่ดิน เพราะว่าบริษัทจีนใกล้ชิดกับชนชั้นนำในท้องถิ่น แม้กระทั่งจ้างทหารหรือตำรวจมาเพื่อคุ้มครองพื้นที่เหมืองแร่

“รถบรรทุกหนักขนาด 50 ตันที่วิ่งผ่านทำลายถนน เกิดปัญหาฝุ่น หลายชุมชนได้รับผลกระทบจากสิทธิในที่ดิน เพราะต้องอพยพโยกย้ายจากการทำเหมืองแร่ ประชาชนจำนวนมากต้องสูญเสียวิถีชีวิต เมื่อประชาชนพยายามปกป้องป่าไม้ แม้แต่พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ต้องเผชิญกับความท้าทายจากการทำเหมืองแร่ มันไม่ใช่การพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ทำลายอย่างเดียว” เขากล่าว

จากข้อมูลของแหล่งข่าว พบว่าจำนวนการทำเหมืองที่ถูกกฎหมายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาวนั้นมีจำนวนน้อยกว่าการทำเหมืองที่ผิดกฎหมาย ผลผลิตจากเหมืองที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ รวมถึงแร่ธาตุหายาก จะถูกขนส่งทางบกโดยตรงไปยังจีนหรือผ่านเวียดนามเพื่อขนส่งทางทะเลไปยังจีน ซึ่งหมายความว่ามูลค่าที่แท้จริงของอุตสาหกรรมแร่ธาตุหายากของลาวอาจสูงกว่าที่รายงานอย่างเป็นทางการมาก

แหล่งข่าวกล่าวว่า การขยายตัวของเหมืองแร่หายากนั้นเห็นได้ชัดเจนขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเหมืองทองคำ ทองแดง ดีบุก หรือโพแตชที่มีอยู่เดิม ถึงแม้ว่าแร่พลวง ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในเทคโนโลยีทางทหาร ลิเธียมและทองคำ จะเป็นแร่ธาตุหลักที่เคยถูกสกัดมาก่อน แต่ปัจจุบันนักลงทุนกำลังมองหาแร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียมและเทอร์เบียมซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีมูลค่าสูงที่สุดในบรรดาแร่ธาตุหายากทั้ง 17 ชนิด

“การทำเหมืองแรร์เอิร์ธเป็นกระบวนการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนมากที่สุด” แหล่งข่าวกล่าว “พวกเขาต้องโค่นต้นไม้ ปล่อยสารเคมีจำนวนมากเข้าไปในหลุมพื้นดิน มีหลายกระบวนการ สารเคมีเหล่านี้ไหลลงสู่แม่น้ำ ฆ่าปลาจำนวนมาก และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ตายเพราะแร่แรร์เอิร์ธ”แหล่งข่าว กล่าว